สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อสัญญาทองคำเพื่อเก็งกำไร นอกจากนี้ กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ทองเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น 6.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,401.10 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,382.20 - 1,424.30 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.474 เซนต์ ปิดที่ 28.906 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.8 เซนต์ ปิดที่ 3.9565 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 38.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,809.60 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 31.75 ดอลลาร์ ปิดที่ 742.65 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองคำเพื่อเก็งกำไร ซึ่งช่วยหนุนสัญญาทองคำพุ่งขึ้นเหนือแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 1,400 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ด้วยการอัดฉีดเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์เข้าซื้อพันธบัตร จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงอีก ซึ่งการอ่อนค่าของดอลลาร์ถือเป็นปัจจัยหนุนสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงทองคำ
แม้สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อคืนนี้ แต่นักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อทองคำอย่างคับคั่งเพราะเชื่อว่า มาตรการ QE2 ของเฟดจะส่งผลให้เม็ดเงินในระบบของสหรัฐเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อและฉุดค่าเงินดอลลาร์ในที่สุด นอกจากนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแอในประเทศกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง โดยมีรายงานว่ารัฐบาลไอร์แลนด์พยายามหาลู่ทางที่จะขอความช่วยเหลือจากคณะกรรมการอียูในสัปดาห์นี้ เพื่อปกป้องประเทศไม่ให้เผชิญปัญหาหนี้สาธารณะเหมือนกับกรีซ
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เข้าซื้อทองคำแท่งเพิ่มขึ้น 2.4 ตัน แตะระดับ 1,294.2 ตันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งทำสถิติเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.เป็นต้นมา