ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: วิตกปัญหาหนี้ยุโรป ฉุดเงินยูโรร่วงหนักเทียบดอลลาร์

ข่าวต่างประเทศ Wednesday November 10, 2010 07:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินยูโรร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 พ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป รวมถึงไอร์แลนด์และโปรตุเกส ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวทำให้นักลงทุนแห่ถือครองดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ยังคงได้รับแรงกดดันจาความกังวลที่ว่ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ที่เฟดประกาศใช้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อาจฉุดค่าเงินดอลลาร์ให้อ่อนตัวลงอีก

ค่าเงินยูโรร่วงลง 1.08% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3771 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ (8 พ.ย.) ที่ 1.3921 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลง 0.95% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5985 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6139 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.73% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 81.740 เยน จากระดับของวันจันทร์ที่ 81.150 เยน และดีดตัวขึ้น 0.19% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9676 ฟรังค์ จากระดับ 0.9658 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.95% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0034 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0130 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 1.30% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7770 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7872 ดอลลาร์สหรัฐ

นักลงทุนกังวลว่าปัญหาหนี้สาธารณะอาจจะลุกลามทวีปยุโรปอีกระลอกเมื่อมีรายงานว่า รัฐบาลไอร์แลนด์เตรียมขึ้นภาษีและอาจต้องลดจำนวนหน่วยงานของรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหายอดขาดดุลงบประมาณ นอกจากนี้ ข่าวที่ว่าหลายประเทศในกลุ่มยูโรโซนมีแผนออกตราสารหนี้เพื่อระดมเงินทุน ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองสกุลเงินยูโร และหันมาซื้อดอลลาร์สหรัฐที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า แต่ปลอดภัยมากกว่า

อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐยังคงถูกกดดันเนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า มาตรการ QE2 ของเฟดอาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ให้อ่อนตัวลงอีก โดยนายไรเนอร์ บรูเอเดอร์ รมว.เศรษฐกิจเยอรมนีได้ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับมาตรการ QE2 ของสหรัฐ เพราะเกรงว่ามาตรการดังกล่าวจะทำให้มีปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้นมากเกินไป ซึ่งถือเป็นการปั่นค่าเงินดอลลาร์ทางอ้อมรูปแบบหนึ่ง

ด้านนายดมิทรี แพนคิน รมช.คลังรัสเซียกล่าวว่า มาตรการผ่อนคลายทางการเงินที่เฟดนำมาใช้ล่าสุดอาจนำไปสู่ "ภาวะฟองสบู่ด้านการเงิน" และทำให้อัตรแลกเปลี่ยนอยู่ในภาวะที่ไม่สมดุล ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับเงินเยนของญี่ปุ่น

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งประจำเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 1.5% แตะระดับ 4.17 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.7% โดยตัวเลขสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการคำนวณผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) และตัวเลขดังกล่าวมีอิทธิพลต่อการประเมินวงจรทางธุรกิจและการขยายตัวของเศรษฐกิจ

ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.ย.และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐขั้นต้นเดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ