ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า สถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในภาคใต้เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาส่งผลกระทบตลาดท่องเที่ยวของไทยให้ถดถอยลงเป็นระลอกที่ 2 ในช่วงปลายปี 2553 โดยกระทบทั้งตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ (ระลอกแรกเป็นผลกระทบจากอุทกภัยในหลายพื้นที่ของภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อตลาดนักท่องเที่ยวคนไทย)
ก่อนหน้าเกิดอุทกภัยในภาคใต้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2553 จะมีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางไปเที่ยวภาคใต้รวมทั้งสิ้นประมาณ 1.54 ล้านคน/ครั้ง สร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยวสะพัดสู่ธุรกิจท่องเที่ยวในภาคใต้คิดเป็นมูลค่าประมาณ 10,430 ล้านบาท ขณะเดียวกันนั้น คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปท่องเที่ยวภาคใต้รวมทั้งสิ้นประมาณ 1.75 ล้านคน/ครั้ง ก่อให้เกิดรายได้ด้านการท่องเที่ยวสะพัดทั่วภาคใต้คิดเป็นมูลค่าประมาณ 33,000 ล้านบาท
ทั้งนี้หากกรณีความเสียหายไม่รุนแรง ไม่มีพายุลูกใหม่เข้ามาซ้ำเติม วิกฤตน้ำท่วมหลายพื้นที่ในภาคใต้ที่กำลังเผชิญอยู่จะคลี่คลายลงสู่ภาวะปกติได้ภายในกลางเดือนพฤศจิกายน 2553 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2553 จะมีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวในภาคใต้รวมทั้งสิ้นประมาณ 1.39 ล้านคน/ครั้ง ลดลง 1.5 แสนคน/ครั้ง หรือลดลงร้อยละ 10 จากที่ประมาณการไว้เดิมก่อนเกิดอุทกภัยที่จำนวน 1.54 ล้านคน/ครั้ง ส่งผลให้ภาคใต้มีรายได้ด้านการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวคนไทยลดลง 500 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 5 จากที่ประมาณการไว้เดิมก่อนเกิดอุทกภัยที่มูลค่า 10,430 ล้านบาท
ขณะที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวในภาคใต้รวมทั้งสิ้นประมาณ 1.67 ล้านคน/ครั้ง ลดลง 7.5 หมื่นคน หรือลดลงร้อยละ 4 จากที่ประมาณการไว้เดิมก่อนเกิดอุทกภัยที่จำนวน 1.75 ล้านคน/ครั้ง ส่งผลให้ภาคใต้มีรายได้ด้านการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง 600 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 2 จากที่ประมาณการไว้เดิมก่อนเกิดอุทกภัยที่มูลค่า 33,000 ล้านบาท
แต่หากการฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวและเส้นทางคมนาคมใน 9 จังหวัดของภาคใต้ ได้แก่ ชุมพร, ตรัง, นครศรีธรรมราช, นราธิวาส (สุไหง โก-ลก), พัทลุง, ยะลา (เบตง), หาดใหญ่ (สงขลา), สตูล และสุราษฎร์ธานี ที่ประสบภาวะน้ำท่วมรุนแรงมีความล่าช้า ทำให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ตามปกติในช่วงเดือนธันวาคม 2553 ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการท่องเที่ยวไทยในช่วงที่เหลือของปีพอสมควร อาจทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติบางส่วนเปลี่ยนแผนการเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศอื่นในเอเชียแทนประเทศไทย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2553 จะมีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวในภาคใต้รวมทั้งสิ้นประมาณ 1.24 ล้านคน/ครั้ง ลดลง 3 แสนคน/ครั้ง หรือลดลงเกือบร้อยละ 20 จากที่ประมาณการไว้เดิมก่อนเกิดอุทกภัยที่จำนวน 1.54 ล้านคน/ครั้ง ส่งผลให้ภาคใต้มีรายได้ด้านการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวคนไทยลดลงประมาณ 1,000 ล้านบาท หรือลดลงเกือบร้อยละ 10 จากที่ประมาณการไว้เดิมก่อนเกิดอุทกภัยที่มูลค่า 10,430 ล้านบาท
ขณะที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวในภาคใต้รวมทั้งสิ้นประมาณ 1.6 ล้านคน ลดลง 1.5 แสนคน หรือลดลงร้อยละ 9 จากที่ประมาณการไว้เดิมก่อนเกิดอุทกภัยที่จำนวน 1.75 ล้านคน ส่งผลให้ภาคใต้มีรายได้ด้านการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง 1,200 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 4 จากที่ประมาณการไว้เดิมก่อนเกิดอุทกภัยที่มูลค่า 33,000 ล้านบาท
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ผลกระทบของวิกฤตน้ำท่วมต่อการท่องเที่ยวในภาคใต้ของไทยในช่วงที่เหลือของปี 2553 ขึ้นกับความเสียหายที่เกิดขึ้นในพื้นที่ท่องเที่ยวว่ามากหรือน้อยเพียงใด, ความร่วมมือของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องของแต่ละพื้นที่ในการเร่งฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวให้พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวได้รวดเร็วเพียงใด และการเร่งประชาสัมพันธ์เรียกความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กลับคืนมาในหมู่นักท่องเที่ยวได้รวดเร็วเพียงใด
ปัจจัยดังกล่าวมีส่วนสำคัญต่อระดับการเติบโตของตลาดนักท่องเที่ยว และการสร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยวให้แก่แหล่งท่องเที่ยวในภาคใต้ในช่วงที่เหลือของปี 2553 ซึ่งเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวที่สามารถสร้างรายได้จำนวนมากให้แก่ธุรกิจท่องเที่ยวของไทย อันจะสะท้อนถึงระดับความสูญเสียในด้านรายได้ท่องเที่ยวอันเป็นผลกระทบจากอุทกภัยในภาคใต้