ผู้บริหารจากบริษัทด้านพลังงานกล่าวในการประชุมสุดยอดภาคธุรกิจจี-20 ซึ่งจัดขึ้นในวันนี้ว่า ทั่วโลกควรร่วมมือกันมากขึ้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความมั่นคงทางพลังงาน และแก้ปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ รวมถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ประเด็นเรื่องความมั่นคงทางพลังงานเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายแสดงความวิตกกังวลกันมาก เนื่องจากอุปสงค์พลังงานปรับตัวสูงขึ้นอันเนื่องมาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ การพัฒนาพลังงานหมุนเวียนและใช้เทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นกุญแจสำคัญที่จะกระตุ้นการขยายตัวอย่างยั่งยืน โดยซีอีโอของบริษัทพลังงานได้กระตุ้นให้ทั่วโลกใช้พลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนอย่างจริงจัง พร้อมทั้งแนะให้ทุกฝ่ายประสานความร่วมมือเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ผ่านโครงการความร่วมมือและการวิจัย เช่น จัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีเพื่อสร้างความร่วมมือระดับโลกและระดับภูมิภาคให้ดียิ่งขึ้นซึ่งจะช่วยเสริมสร้างกรอบการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ รายงานระบุด้วยว่า ทั่วโลกจำเป็นต้องประสานความร่วมมือกันมากขึ้นเพื่อสร้างสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้า โดยยกตัวอย่างกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขงที่มีโครงการความร่วมมือด้านการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานน้ำ
กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วควรให้ความช่วยเหลือกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาให้ใช้เทคโนโลยีสะอาด เนื่องจากกลุ่มประเทศกำลังพัฒนามีความต้องการพลังงานสูงแต่ยังขาดเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการรองรับความต้องการและการใช้พลังงานในรูปแบบของการพึ่งพาตัวเองในระยะยาว
ทั้งนี้ กลุ่มผู้บริหารที่เข้าร่วมประชุมครั้งนี้กล่าวทิ้งท้ายว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่กลุ่มประเทศจี-20 จะบรรลุแผนการที่วางไว้เนื่องจากแต่ละประเทศมีผลประโยชน์ทางการเมืองที่แตกต่างกัน แต่ทุกประเทศควรเริ่มต้นจากการกำหนดนโยบายด้านการใช้พลังงานในประเทศให้โปร่งใสมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน