ธนาคารแบงก์ ออฟ คอมมิวนิเคชั่นส์ คาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของจีน (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อ มีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ หลังจากที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบปีนี้เมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา
รายงานของธนาคารฯ ระบุว่า ผลกระทบของสภาพอากาศที่เลวร้าย ส่วนต่างระหว่างอุปสงค์และอุปทาน รวมถึงภาวะผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ตึงตัวจะค่อยๆ คลี่คลายลงในอีก 2 เดือนข้างหน้า ซึ่งภาวะดังกล่าวอาจทำให้การขยายตัวของดัชนี CPI อ่อนแรงลง แม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะยังเผชิญกับแรงกดดันระยะสั้นจากภาวะเงินเฟ้อและราคาสินค้าที่พุ่งสูงอยู่ก็ตาม
ทั้งนี้ รายงานคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่เมื่อวานนี้ สำนักงานสถิติจีนเปิดเผยดัชนี CPI ในเดือนต.ค.ที่พุ่งสูงสุดในรอบ 25 เดือนแตะระดับ 4.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งขยายตัวจากระดับ 3.6% ในเดือนก.ย.
ขณะเดียวกัน รายงานดังกล่าวยังคาดการณ์ดัชนี CPI ของจีนตลอดทั้งปีนี้ว่า จะเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 3.1% และอัตราการขยายตัวของเงินเฟ้อจะเริ่มถีบตัวสูงขึ้นอีกครั้งในต้นปีหน้า ท่ามกลางแรงกดดันระยะยาวที่เป็นผลมาจากภาวะสภาพคล่องล้นระบบทั้งในและต่างประเทศ รวมไปถึงการพุ่งขึ้นของราคาอาหาร ต้นทุนแรงงานและราคาสินค้านำเข้าที่แพงขึ้น
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในเดือนม.ค.-ต.ค. ดัชนี CPI ของจีนทะยานขึ้น 3% เมื่อเทียบเป็นรายปี เท่ากับระดับเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดเพดานไว้ในปีนี้
นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในเดือนที่แล้ว และสั่งการให้ธนาคารพาณิชย์ในประเทศจัดสรรเงินทุนสำรองเพิ่มขึ้น เพื่อควบคุมสภาพคล่อง