China Focus: จีนส่อเผชิญปัญหาด้านการกำหนดนโยบายการเงิน หลังแรงกดดันเงินเฟ้อพุ่งสูง

ข่าวต่างประเทศ Friday November 12, 2010 16:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

อัตราเงินเฟ้อของจีนในเดือนต.ค.ปรับตัวสูงขึ้น 4.4% ต่อปี แตะระดับสูงสุดในรอบ 25 เดือน ขณะที่ยอดปล่อยเงินกู้ใหม่ของธนาคารก็พุ่งสูงเกินคาด ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะยิ่งส่งผลให้เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินของจีนเผชิญแรงกดดันในการควบคุมเงินเฟ้อเพิ่มมากขึ้น

ราคาอาหารที่พุ่งสูงขึ้นเป็นปัจจัยที่หนุนให้ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีน ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อในประเทศพุ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 4% และสูงกว่าระดับ 3.6% ในเดือนก.ย.

สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ของจีนเปิดเผยว่า ในเดือนม.ค.-ต.ค. ดัชนี CPI ของจีนพุ่งสูงขึ้น 3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเท่ากับเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ในปีนี้ ซึ่งโฆษกของ NBS กล่าวว่า "จีนจำเป็นต้องเพิ่มความพยายามในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ให้อยู่ต่ำกว่าเพดานที่รัฐบาลกำหนด"

ราคาอาหาร ซึ่งมีสัดส่วนหนึ่งในสามของกลุ่มสินค้าที่ใช้ในการคำนวณดัชนี CPI ของจีนนั้น พุ่งสูงขึ้น 10.1% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนต.ค. จากปัจจัยด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในประเทศจีน

นอกจากนี้ แม้ว่ายอดปล่อยเงินกู้ใหม่ของจีนในเดือนต.ค.จะลดลงมาอยู่ที่ 5.877 แสนล้านหยวน จากระดับในเดือนก.ย.ที่ 5.955 แสนล้านหยวน แต่ยังคงสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่า ยอดปล่อยเงินกู้จะอยู่ต่ำกว่า 5 แสนล้านหยวน

นักวิเคราะห์กล่าวว่า นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณจะยิ่งทำให้ปัญหาสภาพคล่องล้นระบบแย่ลงไปอีกและจะส่งผลให้มีเม็ดเงินเก็งกำไรหลั่งไหลเข้ามาในประเทศจีนมากขึ้น ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาที่ยุ่งยากในการกำหนดนโยบายของจีนที่มีต่อภาวะเงินเฟ้อ

ขณะเดียวกันส่วนต่างด้านอัตราดอกเบี้ยระหว่างจีนและประเทศเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่อื่นๆ ที่ขยายวงกว้างมากขึ้นอาจดึงดูดเม็ดเงินเก็งกำไรเข้ามาในประเทศและจะยิ่งทำให้สถานการณ์ต่างๆ แย่ลงอีก ซึ่งรัฐบาลจีนต้องเร่งควบคุมเงินเฟ้อควบคู่ไปกับการรักษาปัจจัยหนุนทางเศรษฐกิจหลังจากที่เผชิญกับวิกฤตการเงินโลก

ด้านผอ.สถาบันวิจัยด้านการเงินประจำศูนย์วิจัยและพัฒนาสภาแห่งรัฐจีนกล่าวว่า ภารกิจสำคัญอันดับแรกของจีนคือการป้องกันกระแสเงินเก็งกำไรไหลเข้า พร้อมทั้งเสริมว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยและเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมเม็ดเงินเก็งกำไรจะช่วยบรรเทาความร้อนแรงของภาวะเงินเฟ้อได้

ทั้งนี้ เมื่อเดือนที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนได้ประกาศขึ้นดอกเบี้ยและขึ้นสัดส่วนกันสำรองของธนาคารพาณิชย์เพื่อควบคุมสภาพคล่อง โดยโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำกับดูแลของจีนจะดำเนินการป้องกันกระแสเงินทุนไหลเข้าที่ผิดปกติ โดยใช้การควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนและรักษาสภาพคล่องโดยรวมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

นอกจากนี้ สำนักปริวรรตเงินตราของจีนให้คำมั่นว่าจะเพิ่มการตรวจสอบการดำเนินธุรกิจด้านการปริวรรตเงินตราเพื่อควบคุมกระแสเงินเก็งกำไร ในขณะที่นักวิเคราะห์บางรายกล่าวว่า จีนควรปฏิรูประบบคำนวณดัชนี CPI เสียใหม่ เนื่องจากระบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบันล้าหลังซึ่งไม่เหมาะที่จะนำไปใช้อ้างอิงเพื่อกำหนดนโยบายการเงิน ซึ่งปัจจุบันจีนคำนวณดัชนี CPI โดยเทียบข้อมูลพื้นฐานในปี 2536 สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ