จีนกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากระหว่างการตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ และการจัดการเงินเฟ้อที่เกิดจากการนำเข้า (imported inflation) เพราะการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะกระตุ้นให้เกิดกระแสเงินร้อนไหลเข้าประเทศอีกระลอก ในขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศได้ใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ
แต่ถึงกระนั้น ก็มีแนวโน้มสูงมากว่า ธนาคารกลางจีนจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งภายในปีนี้ เนื่องจากสภาพคล่องจำนวนมากในประเทศและต่างประเทศกำลังกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีน ขยายตัวขึ้น 4.4% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ขยายตัวขึ้น 5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าเดือนก.ย.อยู่ถึง 0.7% นับเป็นปัจจัยที่บ่งชี้ว่า ราคาที่ดีดตัวขึ้นนี้อาจจะแพร่ไปสู่ธุรกิจปลายน้ำในอนาคตอันใกล้นี้
ขณะเดียวกัน เงินกู้สกุลเงินหยวนล็อตใหม่อยู่ที่ 5.87 แสนล้านหยวนในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นถึง 3.347 แสนล้านหยวนเมื่อเทียบเป็นรายปี และยังสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด ขณะที่ปริมาณเงิน M2 และ M1 นั้น ก็พุ่งสูงขึ้นมากในเดือนต.ค.
โดยในขณะที่ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจขยายตัวดีขึ้น แรงกดดันด้านเงินเฟ้อก็อาจสูงขึ้นเช่นกัน นอกเหนือไปจากนั้น จีนยังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันเรื่องกระแสเงินทุนไหลเข้า อันเนื่องมาจากนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณที่ประเทศพัฒนาแล้วได้นำมาใช้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จุดยืนของจีนเรื่องการซื้อเงินตราต่างประเทศอาจจะพุ่งสูงขึ้นมากในเดือนต.ค.
ดังนั้น จึงถือเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลสำหรับจีนที่จะแก้ปัญหาสภาพคล่องที่ล้นบ่าด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียว ขณะที่มีการใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณในต่างประเทศ และยอดการปล่อยสินเชื่อในประเทศก็พุ่งสูงขึ้น
นักวิเคราะห์มองว่า ด้วยเหตุนี้ จีนจึงอาจจะเร่งคุมเข้มนโยบายการเงิน ซึ่งครอบคลุมถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ย การขึ้นเพดานสำรอง การลดสภาพคล่องด้วยการดำเนินการในตลาดการเงิน รวมทั้งการทำสวอปสกุลเงิน ในอนาคตอันใกล้นี้ เมื่อพิจารณาจากสภาพคล่องจำนวนมากและการคาดการณ์กันมากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องเงินเฟ้อ
หู เสี่ยวเหลียน รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน กล่าวว่า ธนาคารกลางจะติดตามระดับราคาของจีนอย่างใกล้ชิด และจีนก็จะใช้เครื่องมือทางการเงินแบบเดิมต่อไป ซึ่งครอบคลุมถึงการขึ้นดอกเบี้ย การขึ้นเพดานสำรอง เพื่อรักษาสภาพคล่องในกลุ่มธนาคารให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
จีนได้ขึ้นเพดานสำรองไปแล้ว 5 ครั้งในปีนี้ และได้ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 3 ปี
ทั้งนี้ ในปี 2550 จีนได้ขึ้นดอกเบี้ยถึง 5 ครั้งในรอบ 1 เดือนเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ สำนักข่าวซินหัวรายงาน