ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 90.52 จุด หรือ 0.80% ปิดที่ 11,192.58 จุด ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 14.33 จุด หรือ 1.18% ปิดที่ 1,199.21 จุด และดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 37.31 จุด หรือ 1.46% ปิดที่ 2,518.21 จุด
-- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 พ.ย.) เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าจีนอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ส่งให้นักลงทุนวิตกว่า ความต้องการพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ จะซบเซาลง
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ปิดร่วงลง 2.93 ดอลลาร์ หรือ 3.3% แตะที่ระดับ 84.88 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนไหวในช่วง 84.52 - 87.85 ดอลลาร์
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 3% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 พ.ย.) เนื่องจากการที่จีนมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ จะส่งผลกระทบให้ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์หดตัวลง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ดิ่งลง 37.80 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. มาปิดที่ระดับ 1,365.50 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,359.30 - 1,410 ดอลลาร์
-- ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 พ.ย.) ในขณะที่กลุ่มประเทศในยุโรปกำลังพยายามหาทางบรรเทาความวิตกกังวลเรื่องปัญหาหนี้สาธารณะและแนวโน้มการผิดนัดชำระหนี้ของไอร์แลนด์
เงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.28% ที่ระดับ 1.3693 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.3655 ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวขึ้น 0.20% แตะที่ 112.97 เยน จากระดับ 112.75 เยนในวันพฤหัสบดี พุ่งขึ้น 0.78% แตะที่ 1.3429 ฟรังค์สวิส และดีดขึ้น 0.21% แตะ 0.8493 ปอนด์
เงินดอลลาร์สหรัฐขยับลง 0.02% แตะที่ระดับ 82.500 เยน จากระดับ 82.520 ในวันพฤหัสบดี แต่พุ่งขึ้น 0.93% แตะที่ 1.0121 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.0028 ดอลลาร์แคนาดา และแข็งค่าขึ้น 0.54% แตะ 0.9806 ฟรังค์สวิส จากระดับ 0.9753 ฟรังค์สวิส
-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 พ.ย.) นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองและพลังงานที่ถูกเทขายอย่างหนัก หลังจากที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลง ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าจีนอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 18.36 จุด หรือ 0.3% แตะที่ 5,796.87 จุด