น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เดือนส.ค.ที่ผ่านมาพบว่าแนวโน้มเงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง และประเทศเพื่อนบ้านคู่ค้าที่สำคัญของไทยอย่างมาเลเซียต่างประสบปัญหาเงินริงกิตแข็งค่าเช่นเดียวกัน ซึ่งคาดว่ามูลค่าการค้าชายแดนไตรมาส 4/53 อาจจะลดลงจากปีที่ผ่านมา
กรมการค้าต่างประเทศได้เตรียมรับสถานการณ์โดยวางกลยุทธ์ในการดำเนินการเพื่อเสริมสร้างการค้าการลงทุน การสร้างเครือข่าย และพันธมิตรทางการค้ากับประเทศคู่ค้าและประเทศเพื่อนบ้าน โดยในปีงบประมาณ 54 จะจัดให้มีการสัมมนาเพื่อเผยแพร่ความรู้ในเรื่องกฎระเบียบการค้าการลงทุน โดยวิทยากรซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและมีความเชี่ยวชาญจากประเทศเพื่อนบ้านและประเทศคู่ค้าที่สำคัญ รวมทั้งการนำคณะผู้แทนการค้าภาครัฐและเอกชนบุกตลาดประเทศเพื่อนบ้านและประเทศใกล้เคียง เช่น กัมพูชา ลาว พม่า จีน เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และอินเดีย เพื่อเจรจาธุรกิจและสร้างเครือข่ายการค้าการลงทุนร่วมกัน
รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ในช่วง 3 ไตรมาสของปี 53 (ม.ค.-ก.ย.) การค้าชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านมีมูลค่าการค้ารวม 584,929 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 28% แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 366,112 ล้านบาท เพิ่มขึ้น42.7% การนำเข้ามูลค่า 218,816 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.1% โดยไทยได้ดุลการค้ามูลค่า 106,813 ล้านบาท
ทั้งนี้มูลค่าการค้าชายแดนไทยกับมาเลเซียมีมูลค่าสูงสุดที่ 376,037 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนถึง 64.3% ของมูลค่าการค้าชายแดนรวม รองลงมา คือ พม่ามูลค่า 103,397 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 17.9%, ลาวมูลค่า 64,003 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 10.94% และกัมพูชามูลค่า 41,492 ล้านบาท คิดเป็น 7.1%
โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ยางพารา มูลค่า 106,179.5 ล้านบาท คิดเป็น 29% ของมูลค่าการส่งออก รองลงมาเป็น เครื่องคอมพิวเตอร์ มูลค่า 30,716.7 ล้านบาท, ผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ มูลค่า 18,479.0 ล้านบาท, น้ำมันดีเซล มูลค่า 12,587.6 ล้านบาท
ส่วนสินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ มูลค่า 61,384.2 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 28.1% ของมูลค่าการนำเข้า, ส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ มูลค่า 18,095.7 ล้านบาท, สื่อบันทึก ข้อมูล ภาพ เสียง มูลค่า 16,588 ล้านบาท, เทปแม่เหล็ก จานแม่เหล็กสำหรับคอมพิวเตอร์ มูลค่า 13,686.7 ล้านบาท