พาณิชย์ เผยยอดจดทะเบียนธุรกิจใหม่ ต.ค.53 โต 20% จากต.ค.52 แต่ลดจากก.ย.53

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 15, 2010 16:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การจดทะเบียนธุรกิจในเดือน ต.ค.53 มีผู้ประกอบธุรกิจขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เป็นนิติบุคคล ประเภทห้างหุ้นส่วน บริษัทจำกัดทั่วประเทศ จำนวน 4,520 ราย แบ่งเป็นจัดตั้งในกรุงเทพฯ 1,758 ราย ส่วนภูมิภาค 2,762 ราย มีเงินทุนจดทะเบียนจำนวน 32,295 ล้านบาท

นิติบุคคลจดทะเบียนจัดตั้งสูงสุด 3 อันดับแรกคิดเป็นร้อยละ 31 ของการจดทะเบียนจัดตั้งทั้งหมด คือ บริการนันทนาการ(ตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล) จำนวน 793 ราย ก่อสร้างอาคารทั่วไปจำนวน 392 ราย อสังหาริมทรัพย์ จำนวน 199 ราย

สถิติจดทะเบียนจัดตั้ง เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.52 ซึ่งมีจำนวน 3,747 ราย เพิ่มขึ้น 773 ราย คิดเป็นร้อยละ 20 และเมื่อเปรียบเทียบการจดทะเบียนจัดตั้งเดือน ก.ย.53 มีการจดทะเบียนจัดตั้งทั่วประเทศซึ่งมีจำนวน 4,959 ราย ลดลง 439 ราย คิดเป็นร้อยละ 8

สำหรับนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกทั่วประเทศสถิติจดทะเบียนเลิกในเดือน ต.ค.53 มีจำนวน 1,300 ราย แบ่งเป็นกรุงเทพฯ จำนวน 619 ราย ภูมิภาค 681 ราย มีเงินทุนจดทะเบียน 4,343 ล้านบาท สำหรับประเภทธุรกิจที่มีจำนวนนิติบุคคลจดทะเบียนเลิกสูงสุด 3 อันดับแรก คิดเป็นร้อยละ 17 ของการจดทะเบียนเลิกทั้งหมดคือ การก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 120 ราย อสังหาริมทรัพย์ จำนวน 57 ราย บริการด้านธุรกิจอื่น 50 ราย

สถิติจดทะเบียนเลิก เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.52 ซึ่งมีจำนวน 1,363 ราย ลดลง 63 ราย คิดเป็นร้อยละ 4 และเมื่อเปรียบเทียบการจดทะเบียนเดือน ก.ย.53 มีการจดทะเบียนเลิกทั่วประเทศ ซึ่งมีจำนวน 1,336 ราย ลดลง 36 ราย คิดเป็นร้อยละ 2

ทั้งนี้ มีจำนวน ห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญ บริษัทจำกัดคงอยู่ทั่วประเทศ มีจำนวน 539,680 ราย และบริษัทมหาชนคงอยู่ 892 ราย รวมนิติบุคคลคงอยู่ทั่วประเทศทั้งสิ้น 540,572 ราย

ปัจจัยบวกที่ส่งผลให้มีการประกอบธุรกิจเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในตลาดทุนมีแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มขึ้นสูงสุดแตะระดับ 1,000 จุด มูลค่าการส่งออกที่ยังขยายตัวอยู่ในระดับที่ดี ซึ่งเป็นผลมาจากการไทยเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับประเทศต่างๆ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) ขยายตัว 23% และรัฐบาลวางแผนปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะระบบราง ซึ่งเป็นตัวช่วยให้เกิดความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจมากขึ้น

แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงต่อการทำธุรกิจ เช่น ปัญหาภัยธรรมชาติ ปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่า และราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะน้ำท่วมได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบธุรกิจใน 51 จังหวัด จำนวน 2.18 แสนราย คิดเป็น 41% ของนิติบุคคลทั้งประเทศ ทุนจดทะเบียน 2.5 ล้านล้านบาท หรือ 28% ของทุนจดทะเบียนรวมทั้งประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ