นายวัชระ กรรณิกา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการนำสิทธิในบำเหน็จตกทอดไปเป็นหลักทรัพย์ประกันการกู้เงิน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเพื่อดำเนินการต่อไป
กระทรวงการคลัง เสนอว่าโดยที่พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญ (ฉบับที่ 26) พ.ศ. 2553 มาตรา 47/2 บัญญัติให้ผู้รับบำนาญปกติหรือผู้รับบำนาญพิเศษเพราะเหตุทุพพลภาพ อาจนำสิทธิในบำเหน็จตกทอดไปเป็นหลักทรัพย์ในการประกันการกู้เงินกับสถาบันการเงิน ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
โดยสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง ประกอบด้วย 1.กำหนดให้ รมว.คลัง มีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของสถาบันการเงินที่ผู้รับบำนาญจะนำสิทธิในบำเหน็จตกทอดไปเป็นหลักทรัพย์ประกันการกู้เงิน 2.กำหนดให้กรมบัญชีกลางมีอำนาจในการทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่างกรมบัญชีกลางกับสถาบันการเงิน เพื่อให้ผู้รับบำนาญมีสิทธิในวันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับนำสิทธิในบำเหน็จตกทอดไปเป็นหลักทรัพย์ประกันการกู้เงิน
3.กำหนดให้ผู้รับบำนาญจะต้องยินยอมให้กรมบัญชีกลางหักบำนาญรายเดือนเพื่อชำระคืนเงินกู้ให้แก่สถาบันการเงิน และกำหนดให้การหักบำนาญรายเดือนเพื่อชำระคืนเงินกู้ให้แก่สถาบันการเงินเป็นการชำระเงินให้แก่ทางราชการในลำดับแรก ถัดจากหนี้ภาษีอากรและหนี้สหกรณ์ 4.กำหนดวิธีปฏิบัติและเงื่อนไขเกี่ยวกับการยื่นคำร้องขอหนังสือรับรองต่อส่วนราชการผู้เบิกเบี้ยหวัดบำนาญ
5.การพิจารณาให้กู้เงินต้องเป็นไปตามข้อตกลงร่วมกันระหว่างกรมบัญชีกลางและสถาบันการเงิน และวิธีปฏิบัติในการหักเงินบำนาญให้เป็นไปตามที่กรมบัญชีกลางกำหนด 6.วิธีปฏิบัติในการชำระคืนเงินกู้กรณีผู้รับบำนาญผิดสัญญากู้เงินหรือถึงแก่ความตายให้เป็นไปตามที่กรมบัญชีกลางกำหนด