World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 16 พฤศจิกายน 2553

ข่าวต่างประเทศ Tuesday November 16, 2010 16:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 1.2% ทำสถิติเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 7 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.7% หลังจากยอดขายยานยนต์และวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น

-- กระทรวงการพาณิชย์ของสหรัฐ เปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังของภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนกันยายน และเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน

-- ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็น 2.5% ในการประชุมวันนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะลดความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ

-- สำนักข่าวเพรสทรัสต์ของอินเดีย รายงานว่า เกิดเหตุอาคารที่พักอาศัยสูง 4 ชั้นทางทิศตะวันออกของเมืองนิวเดลีในอินเดีย พังถล่มลงมา คาดว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40 ราย

-- นายกรัฐมนตรีไบรอัน โคเวน ของไอร์แลนด์ กล่าวว่า ไอร์แลนด์ไม่ได้เตรียมขอความช่วยเหลือด้านการเงินจำนวนหลายพันล้านยูโรจากสหภาพยุโรป (อียู) ตามที่ตกเป็นข่าว

-- กระทรวงพาณิชย์จีนรายงานว่า เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ขยายตัว 7.9% ในเดือนตุลาคมเมื่อเทียบรายปี แตะที่ 7.663 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และปรับเพิ่มเป็นเดือนที่ 15 ติดต่อกัน

-- แคทเทอร์พิลลาร์ อิงค์ (Caterpillar Inc.) ผู้ผลิตอุปกรณ์ที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างและเหมืองแร่รายใหญ่ที่สุดในโลกประกาศซื้อกิจการบริษัท บูซีรัส อินเตอร์เนชันแนล อิงค์ (Bucyrus International Inc.) เป็นมูลค่า 7.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว

-- หลิว หลี่หัว ผู้อำนวยการสำนักบริหารในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน กล่าวว่า อุตสาหกรรมการบินของจีนได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงแผนพัฒนา 5 ปี ฉบับที่ 11 (2549-2553) และคาดว่าจะช่วยหนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน

-- สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของจีนเพิ่มขึ้น 0.6 จุด สู่ระดับ 150.8 จุดในเดือนก.ย. ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ซึ่งเป็นหลักฐานล่าสุดที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ

-- สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เปิดเผยว่า แนวโน้มระบบธนาคารของไทยยังคงมีเสถียรภาพในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้านี้ แต่ยังต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากว่าสถานการณ์ทางการเมืองที่ยืดเยื้อสร้างแรงกดดันให้กับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจและการเงิน

-- กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยในแถลงการณ์ว่า รัฐบาลจีนจะขายเนื้อหมูและน้ำตาลในสต๊อกเพื่อเพิ่มอุปทานในตลาด และควบคุมเงินเฟ้อ หลังจากที่ภาวะขาดแคลนสินค้าบางประเภทได้ผลักดันให้เงินเฟ้อในส่วนของราคาอาหารพุ่งขึ้นแตะ 10.1% ในเดือนตุลาคม

-- สำนักงานสถิติเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ผลผลิตข้าวของประเทศในปีนี้ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 30 ปี เนื่องจากสภาพอากาศที่ย่ำแย่ และขนาดของนาข้าวที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

-- ธนาคาร HSBC เปิดเผยในรายงานวิจัยว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงที่เกิดจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว นอกจากนี้ การชะลอตัวของอุตสาหกรรมส่งออกยังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด

-- ยูโรสแตท (Eurostat) ซึ่งเป็นสำนักงานสถิติของสหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยว่า กรีซมีตัวเลขขาดดุลงบประมาณและหนี้สินในปี 2552 สูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้

-- สภาล่างของญี่ปุ่นอนุมัติงบประมาณพิเศษมูลค่า 4.4 ล้านล้านเยน (5.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในวันนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 6.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

-- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตรียมลดน้ำหนักเงินเยนในการคำนวณสกุลเงิน SDR (Special Drawing Right) ซึ่งเป็นหน่วยสกุลเงินทางบัญชีของไอเอ็มเอฟ ลงมาอยู่ที่ 9.4% จากเดิม 11% โดยเงินเยนเป็น 1 ใน 4 สกุลเงินใน SDR

-- นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน เปิดเผยว่า เศรษฐกิจจีนโดยรวมนั้นอยู่ในสภาพที่ดี แต่ยังคงต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ โดยข้อมูลในไตรมาส 3 ชี้ให้เห็นว่า เศรษฐกิจจีนขยายตัวต่อเนื่อง แต่ปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศมีความซับซ้อน ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้วกำลังชะลอตัว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ