รัฐมนตรีคลังกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ได้จัดการประชุมที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม เพื่อตัดสินใจว่าควรจะให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ไอร์แลนด์เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาหนี้สาธารณะของไอร์แลนด์ลุกลามออกไป
ไบรอัน เลนิฮาน รมว.คลังไอร์แลนด์ กล่าวภายหลังจากเดินทางถึงกรุงบรัสเซียเพื่อเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ว่า ความเคลื่อนไหวต่างๆที่เกิดขึ้นในตลาดในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ไม่เป็นผลดีต่อไอร์แลนด์ แต่นายเลนิฮานยืนยันว่า ไอร์แลนด์ยังมีฐานเงินทุนที่เพียงพอไปจนถึงช่วงกลางปีหน้า
ด้านนายออลลี เรห์น คณะกรรมาธิการฝ่ายกิจการเศรษฐกิจและการเงินของยุโรปกล่าวว่า "เรามีปัญหาที่เร่งด่วนที่สุดในไอร์แลนด์ ปัญหาที่แท้จริงในไอร์แลนด์คือภาคธนาคาร แต่ก็ยังมีภาคส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับภาคธนาคารด้วย ดังนั้นเราจึงต้องหารือเกี่ยวกับสถานการณ์โดยรวม โดยจะมุ่งไปที่ธนาคารเป็นหลัก"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐบาลไอร์แลนด์ประกาศเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมาว่า ไอร์แลนด์อาจต้องอัดฉีดเงินมูลค่า 3.43 หมื่นล้านยูโร (4.66 หมื่นล้านดอลลาร์) เข้าไปพยุงกิจการแองโกล-ไอริช แบงค์ ขณะเดียวกันมีการประมาณการว่า ต้นทุนที่รัฐบาลไอร์แลนด์ต้องใช้ในการช่วยเหลือภาคธนาคารอาจพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 5.0 หมื่นล้านยูโร (6.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งจะส่งผลให้ยอดขาดดุลงบประมาณของไอร์แลนด์ในปี 2553 พุ่งขึ้นเป็น 32% ของตัวเลขจีดีพี จากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ 11% ของจีดีพี
นอกจากนี้ มีรายงานว่า ไอร์แลนด์กำลังถูกกดดันอย่างหนักจากเจ้าหน้าที่กลุ่มอียูให้ขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากต่างประเทศเพื่อป้องกันไม่ให้วิกฤตหนี้สาธารณะลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในกลุ่มยูโรโซน
อย่างไรก็ตาม นายฌอง-คล้อด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่า "ทุกอย่างขึ้นอยู่กับทางการไอร์แลนด์ว่าจะขอความช่วยเหลือจากอียูหรือกลุ่มยุโรปหรือไม่ หากไอร์แลนด์ร้องขอ เราก็พร้อมที่จะสนับสนุนไอร์แลนด์" ซึ่งสอดคล้องกับที่รมว.คลังเนเธอร์แลนด์กล่าวว่า หากไอร์แลนด์ขอความช่วยเหลือ กลุ่มยุโรปก็พร้อมที่จะสนับสนุน แต่ก็ต้องดำเนินการตามเงื่อนไข และกลุ่มยุโรปจะร่วมมือกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ในเรื่องนี้
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของไอร์แลนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 9% เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ยุโรปเริ่มใช้สกุลเงินยูโรในปี 2542 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสเปนและโปรตุเกสปรับตัวขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่แล้วเช่นกัน
นักวิเคราะห์กังวลว่า ไอร์แลนด์อาจจะเผชิญปัญหาเหมือนกับกรีซ และวิกฤตหนี้สาธารณะรอบใหม่อาจแผ่ขยายวงกว้าง ซึ่งจะฉุดรั้งเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆในกลุ่มยูโรโซน เช่นสเปนและโปรตุเกส หดตัวลงด้วย