นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ตนเองได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในพิจารณาการปรับขึ้นราคาสินค้าในปีหน้าตามต้นทุนที่เป็นจริง โดยสินค้าที่อาจอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาได้ในปีหน้าส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่มีต้นทุนวัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก เช่น เหล็ก ปูนซีเมนต์ ปุ๋ยเคมี
"มาตรการดูแลราคาสินค้าหลังปีใหม่อาจมีบางรายการขอปรับราคาเข้ามา ซึ่งก็ต้องพิจารณาให้ตามความเป็นจริง และดูโครงสร้างต้นทุนทั้งหมด เช่น ราคาน้ำมันดิบ ราคาวัตถุดิบตลาดโลก อัตราแลกเปลี่ยน ถ้ารายการไหนยังตรึงราคาได้ก็ขอให้ตรึงไว้ก่อน แต่ถ้าตรึงไม่ได้จริง และจำเป็นต้องปรับราคาก็จะพิจารณาให้ เพราะกระทรวงฯ ต้องดูแลผู้ผลิตสินค้าที่ถือเป็นประชาชนคนหนึ่งเช่นกัน" นางพรทิวา กล่าว
รมว.พาณิชย์ ยืนยันว่า สำหรับปีนี้จะไม่มีสินค้าใดปรับขึ้นราคา เพราะกระทรวงฯ ใช้มาตรการขอความร่วมมือผู้ประกอบการตรึงราคาไปจนถึงสิ้นปี ซึ่งล่าสุดผู้ผลิตทินเพลต(เหล็กที่ใช้ทำกระป๋อง) ให้ความร่วมมือปรับลดราคาจำหน่ายลงตันละ 6,500 บาท จากตันละ 59,160 บาท เหลือตันละ 52,660 บาท เพื่อช่วยเหลือผู้ผลิตผัก ผลไม้ และอาหารสำเร็จรูปบรรจุกระป๋องเพื่อส่งออก โดยมีผลตั้งแต่เดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้
นอกจากนี้ กรมการค้าภายในได้ขอความร่วมมือบริษัท สังกะสีไทย จำกัด ลดราคาสังกะสีจากราคาปกติ 15% มีผลตั้งแต่วันนี้ถึงสิ้นเดือน ธ.ค.เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย ส่วนผู้ผลิตที่ไม่สามารถปรับลดราคาได้แต่ให้ความร่วมมือด้วยการบริจาคสินค้าเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เช่น ปูนซีเมนต์ 1 แสนถุง ปัจจัยการเกษตร เช่น ปุ๋ยเคมีและยาปราบศัตรูพืช 24 ตัน รวมมูลค่า 4 ล้านบาท รวมทั้งยืนยันตรึงราคาสินค้าถึงสิ้นปี พร้อมทั้งจะจัดจำหน่ายปุ๋ยธงฟ้าราคาพิเศษถูกกว่าตลาดประมาณ 5-10% ให้แก่เกษตรกรรายย่อยในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม