สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงอย่างหนักเมื่อ 2 วันทำการที่ผ่านมา นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้ปัจจัยบวกจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะของไอร์แลนด์ ขณะที่สัญญาพัลลาเดียมและพลาตินัมทะยานขึ้นแข็งแกร่ง ขานรับรายงานกิจกรรมการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติกของสหรัฐที่ขยายตัวเกินคาด
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 16.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,353.00 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,334 - 1,356 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.323 ดอลลาร์ ปิดที่ 26.834 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 10.45 เซนต์ ปิดที่ 3.8385 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 23.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,663.90 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 40.65 ดอลลาร์ ปิดที่ 695.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงอย่างหนักในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากกระแสความวิตกกังวลเรื่องปัญหาหนี้ไอร์แลนด์ได้หนุนสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร แต่ดอลลาร์อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับยูโรในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังจากผู้ว่าการธนาคารกลางไอร์แลนด์คาดว่า ไอร์แลนด์จะตกลงรับเงินช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เป็นวงเงินหลายหมื่นล้านยูโร
ขณะที่สัญญาพัลลาเดียมและพลาตินัมซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในด้านอุตสาหกรรม ทะยานขึ้นแข็งแกร่ง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียที่ระบุว่า ดัชนีกิจกรรมการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติกของสหรัฐขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 22.5 จุดในเดือนพ.ย. จากเดือนก.ค.ที่ระดับ 1.0 จุด มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 5.0 จุด