สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ เปิดเผยว่า ยอดงบประมาณขาดดุลในเดือนตุลาคมของอังกฤษเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ในก่อนหน้านี้ ตอกย้ำความท้าทายที่นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีกำลังเผชิญในความพยายยามลดยอดเงินกู้ยืมที่สูงเป็นประวัติการณ์ลง
โดยรายงานของสำนักงานฯ ระบุว่า อังกฤษยอดขาดดุลงบประมาณทั้งสิ้น 9.8 พันล้านปอนด์ (1.56 หมื่นล้านดอลลาร์) ในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นตัวเลขงบประมาณขาดดุลสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2536 ในขณะที่ยอดขาดดุลของปีที่แล้วอยู่ที่ 9.4 พันล้านปอนด์
นายจอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอังกฤษ ได้กำหนดเป้าหมายในการลดยอดงบประมาณขาดดุลลงเหลือต่ำกว่า 2% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ภายในปี 2558 จากตัวเลขที่สูงถึง 10% ในปัจจุบัน ซึ่งอาจส่งผลให้มีการเลิกจ้างงานในหน่วยงานรัฐบาลกว่า 490,000 ตำแหน่ง รวมทั้งการตัดสวัสดิการ ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 1 ส่วน 4 ของงบประมาณรัฐบาลลง
อย่างไรก็ตาม อังกฤษสามารถจัดเก็บรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น 6.8% ในเดือนตุลาคม โดยมีรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มพุ่งขึ้น 8% ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้บริโภคใช้จ่ายเพิ่มขึ้นก่อนที่รัฐบาลจะปรับขึ้นภาษีในเดือนมกราคม ส่วนการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลอังกฤษในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้น 9.2%