สุนทรพจน์ของเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เตรียมไว้เพื่อแถลงในการประชุมที่นครแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนีในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย ระบุว่า เบอร์นันเก้ได้กล่าวปกป้องการตัดสินใจใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินรอบสอง หรือ QE2 ของคณะกรรมการเฟด พร้อมกับตำหนิว่าการแทรกแซงค่าเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่บางประเทศเป็นสาเหตุที่ทำให้มีกระแสเงินทุนจำนวนมากไหลเข้าสู่ประเทศเหล่านี้
"การปรับอัตราแลกเปลี่ยนเป็นการดำเนินการที่ไม่สมบูรณ์ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลในบางประเทศของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ได้เข้าไปแทรกแทรงตลาดปริวรรตเงินตราเพื่อป้องกันหรือชะลอการแข็งค่าของสกุลเงินในประเทศตนเอง" เบอร์นันเก้กล่าว
เบอร์นันเก้ย้ำว่า "กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วและกลุ่มประเทศกำลังพัฒนามีจังหวะการขยายตัวของเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน ด้วยสถานะที่แตกต่างกันระหว่างประเทศทั้งสองกลุ่ม จึงทำให้การกำหนดนโยบายต้องแตกต่างกันไปด้วย กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่ยังจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนปรนเพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งและนำไปสู่การฟื้นตัวอย่างยั่งยืน ในทางตรงกันข้าม กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่กำลังเผชิญกับความท้าทายในเรื่องการพยุงเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็ต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เศรษฐกิจขยายตัวร้อนแรงเกินไป ดังนั้นประเทศกลุ่มนี้จึงอาจต้องถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ"
ในการประชุมเมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดประกาศใช้มาตรการ QE2 ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวเพิ่มขึ้นอีก 6 แสนล้านดอลลาร์ โดยจะทยอยเข้าซื้อเดือนละ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ไปจนถึงกลางปีหน้า ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว และเพื่อทำให้ต้นทุนการกู้ยืมลดต่ำลง สำนักข่าวเกียวโดรายงาน