บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) บริษัทผู้ผลิตรถรายใหญ่ของสหรัฐกลับเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวานนี้ หลังจากที่ถูกถอนชื่อออกจากตลาดหุ้นไปนานถึง 1 ปีครึ่งจากกรณีที่บริษัทยื่นเอกสารพิทักษ์ทรัพย์ล้มละลาย
โดยจีเอ็มเสนอขายหุ้น IPO ที่ราคา 33 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งช่วยให้จีเอ็มสามารถระดมทุนได้ถึง 2.32 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยเงินจำนวนดังกล่าวประกอบด้วยเงินที่ได้จากการขายหุ้นสามัญ 1.82 หมื่นล้านดอลลาร์ และเงินที่ได้จากการขายหุ้นบุริมสิทธิ์ 5 พันล้านดอลลาร์
การเสนอขายหุ้น IPO ของจีเอ็มในครั้งนี้นับเป็นครั้งใหญ่ที่สุดเพื่อที่จะให้บริษัทรอดพ้นจากการควบคุมโดยรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งเข้ามาช่วยเหลือและเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของจีเอ็มเมื่อปีที่ผ่านมา โดยการระดมทุนของจีเอ็มผ่านการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้จะช่วยให้ภาระผูกพันของกระทรวงการคลังสหรัฐที่ถือหุ้นอยู่ในจีเอ็มลดลงจาก 61% เหลือ 26%
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า เมื่อวันพุธที่ผ่านมา จีเอ็มได้ขายหุ้นไปแล้วทั้งสิ้น 478 ล้านหุ้นเมื่อวันพุธ และคาดว่าธนาคารเจ้าหนี้ของจีเอ็มจะขายหุ้นเพิ่มอีก 71.7 ล้านหุ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในหุ้นจัดสรรส่วนเกิน (overallotment) ที่จัดทำขึ้นเมื่อยอดขายพุ่งสูงเกินคาด และมีการเสนอขายหุ้นบุริมสิทธิ์ 4.35 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ด้านประธานฝ่ายบริหารของจีเอ็มกล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าที่จะเคลียร์หนี้สินและชำระหนี้ทั้งหมดคืนแก่รัฐบาล และสำหรับการกลับเข้าสู่ตลาดวอลล์สตรีทของจีเอ็มในครั้งนี้ บริษัทได้นำเสนอรถยนต์ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่รุ่น Chevrolet Volt และรุ่นอื่นๆ พร้อมทั้งกล่าวว่า จีเอ็มในวันนี้แตกต่างจากจีเอ็มในอดีต
ขณะที่ทิม ลี ประธานของจีเอ็มประจำแผนกธุรกิจระหว่างประเทศกล่าวเสริมว่า จีเอ็มในวันนี้ผสมผสานจุดเด่นของจีเอ็มที่เคยมีในอดีตเข้ากับวิสัยทัศน์ใหม่ที่มีต่อกลยุทธ์การดำเนินงานในอนาคต ซึ่งคำนึงถึงการออกแบบ การพัฒนาและการจำหน่ายรถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก สำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีการเปิดตัวครั้งนี้จะช่วยปูทางให้เรากลับมาเป็นค่ายรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ในสหรัฐและประเทศอื่นๆ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานด้านการดำเนินธุรกิจในขณะนี้มีความเสี่ยงน้อยกว่าในอดีตอยู่มาก สำนักข่าวซินหัวรายงาน