(เพิ่มเติม) รมว.พาณิชย์ เผยส่งออกปี 53 มีโอกาสโตถึง 24.5% ทะลุเป้า,ต.ค.โต 15.7%

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 19, 2010 12:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า หากในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้การส่งออกมีมูลค่าเฉลี่ยเดือนละ 14,500-15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็จะทำให้ยอดส่งออกทั้งปี 53 มีโอกาสทะลุ 190,000 ล้านดอลลลาร์ หรือขยายตัวได้สูงถึง 24.5% เกินกว่าเป้าที่คาดไว้ในระดับ 20%

วันนี้ กระทรวงพาณิชย์แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศเดือน ต.ค.53 การส่งออกมีมูลค่า 17,133 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโต 15.7% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน และการนำเข้ามีมูลค่า 14,811 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโต 13.5% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุลประมาณ 2,322 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับภาวะในช่วง 10 เดือนของปีนี้(ม.ค.-ต.ค.53) การส่งออกมีมูลค่ารวม 160,277 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 29.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนำเข้ามูลค่า 148,810 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 39.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 11,467 ล้านดอลลาร์

"การส่งออกยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง แต่อัตราการขยายตัวมีแนวโน้มชะลอตัวลง เนื่องจากปัญหาการแข็งค่าของเงินบาทและแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจในตลาดส่งออกสำคัญในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 53" นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าว

สินค้าส่งออกสำคัญในเดือน ต.ค.สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตร เพิ่มขึ้น 10.2% ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 17.1%

ทั้งนี้ สินค้าส่งออกส่วนใหญ่ขยายตัว อาทิ ข้าว ขยายตัว 6.8% ยางพารา 63.5% อาหาร 9.3% เครื่องอิเลคทรอนิคส์ 5.5% เครื่องใช้ไฟฟ้า 13.8% ยานยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 32.4% อัญมณีและเครื่องประดับ 40.2% แม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก 28.3% สิ่งทอ 20.8%

ขณะที่สินค้าส่งออกที่ลดลงมีเพียง 3 รายการ ได้แก่ มันสำปะหลัง ลดลง 17.3% น้ำตาล ลดลง 77.6% เนื่องจากผลผลิตในประเทสลดลงและความต้องการใช้ในประเทศเพิ่มขึ้น และวัสดุก่อสร้าง ลดลง 19.1% ซึ่งเป็นการลดลงของการส่งออกโครงก่อสร้างทำด้วยเหล็กและเหล็กกล้าไปออสเตรเลียที่ลดลงถึง 98.0%

ตลาดส่งออกสำคัญ ขยายตัวเกือบทุกตลาด โดยตลาดที่หดตัวมีเพียงตลาดเดียว คือ ทวีปออสเตรเลีย โดยสินค้าที่ลดลง ได้แก่ โครงก่อสร้างทำด้วยเหล็กและเหล็กกล้า และ ทองคำ

ทางด้านการนำเข้าในเดือน ต.ค.สินค้าสำคัญขยายตัวเกือบทุกกลุ่ม ยกเว้นสินค้าเชื้อเพลิง ที่มูลค่านำเข้าลดลง 10.4% เนื่องจากราคาลดลงตามการแข็งค่าของเงินบาท ขณะที่สินค้าวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป เพิ่มขึ้น 20.3% สินค้าทุน เพิ่มขึ้น 14.9% สินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่มขึ้น 19.9% สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง เพิ่มขึ้น 35.4%

นางพรทิวา กล่าวถึงมาตรการ QE2 ของสหรัฐฯ ว่า แม้ว่าจะทำให้ค่าเงินสกุลต่างๆ ทั่วโลกแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์ แต่สำหรับเงินบาทเชื่อว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีมาตรการดูแลไม่ให้เงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ