รัฐบาลฮ่องกงประกาศใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อสกัดความร้อนแรงของตลาดอสังหาริมทรัพย์เมื่อวานนี้ (19 พ.ย.) ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีขึ้นหลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เรียกร้องให้ฮ่องกงร่างนโยบายเพิ่มเติมเพื่อสกัดราคาอสังหาริมทรัพย์ที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
มาตรการที่รัฐบาลฮ่องกงประกาศใช้ครั้งล่าสุดนี้ ครอบคลุมถึงการปรับเพิ่มค่าอากรแสตมป์ (stamp duty) และควบคุมการปล่อยสินเชื่อ โดยนายจอห์น ซัง รมว.คลังฮ่องกงกล่าวว่า สภาพคล่องที่มีอยู่หนาแน่นทั่วโลกและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำมาก ทำให้มีกระแสเงินทุนทะลักเข้าสู่ภูมิภาคเอเชีย รวมถึงฮ่องกง จำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้ราคาสินทรัพย์พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง และยังกระตุ้นให้เกิดการเก็งกำไรในวงกว้าง
ทั้งนี้ รัฐบาลฮ่องกงจึงตัดสินใจประกาศใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อควบคุมการเก็งกำไรระยะสั้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์และลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะฟองสบู่สินทรัพย์ โดยรัฐบาลได้ปรับเพิ่มค่าอากรสแตมป์พิเศษสำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้อยู่อาศัย โดยระบุว่าผู้ที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภทดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย.นี้เป็นต้นไปและนำไปขายต่อภายในเวลา 24 เดือน จะต้องจ่ายค่าอากรสแตมป์เพิ่มขึ้น 15% ทั้งในฝั่งของผู้ซื้อและผู้ขาย
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของสำนักงานสถิติแห่งชาติฮ่องกงว่า ราคาบ้านในฮ่องกงในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ พุ่งขึ้น 15% โดยราคาบ้านระดับหรูหราปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 10% ขณะที่ราคาบ้านขนาดเล็กเพิ่มขึ้น 8.1%