นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มการเติบโตของภาคการส่งออกในเดือนต.ค.53 เริ่มชะลอตัวลงบ้า งหลังได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท ทำให้ราคาสินค้าไทยสูงขึ้น ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกยังไม่แน่นอน ทำให้คำสั่งซื้อสินค้าเริ่มชะลอ
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ายอดการส่งออก 2 เดือนที่เหลือของปีนี้จะขยายตัวได้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกขณะนี้ได้รับผลดีจากมาตรการอัดฉีดงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสอง (QE2) ทั้งจากสหรัฐอเมริกา 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อังกฤษ 2 แสนล้านปอนด์ รวมถึงญี่ปุ่น 5 ล้านล้านเยน ทำให้กำลังซื้อประเทศเหล่านี้สูงขึ้น ประกอบกับผลผลิตทางการเกษตรของไทยมีราคาสูงขึ้น และกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดส่งออก เนื่องจากทั่วโลกกำลังเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ทั้งนี้ได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลก และประธานกลุ่มสินค้า (ซีโอพี) เร่งแผนกระตุ้นการส่งออกเพิ่มเติม เพื่อผลักดันให้มูลค่าการส่งออกในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ อยู่ที่เฉลี่ยเดือนละ 14,500 -15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้มูลค่าการส่งออกตลอดทั้งปีเพิ่มเป็น 190,000 ล้านดอลลาร์ หรือเติบโตถึง 24.5% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 183,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 20%
รมว.พาณิชย์ แนะผู้ประกอบการส่งออกยัระมัดระวังความผันผวนของค่าเงินบาท เพราะแม้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีมาตรการดูแลไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วได้ดีระดับหนึ่ง แต่ก็ควรทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไว้ เพราะหลังจากนี้น่าจะมีการเคลื่อนย้ายเงินทุนต่างชาติเข้าออกอย่างรวดเร็ว