Xinhua's Interview: นักเศรษฐศาสตร์ชี้การเก็บภาษีนิติบุคคลเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการเจรจาของไอร์แลนด์

ข่าวต่างประเทศ Monday November 22, 2010 10:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หวาง หลี่หมิง ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐกิจได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า การจัดเก็บภาษีนิติบุคคลอาจจะเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดหรือจุดยืนสุดท้ายที่ทางรัฐบาลไอร์แลนด์จะต้องปกป้องเอาไว้ในระหว่างการเจรจาเรื่องการรับความช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)

หวางกล่าวว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม หากเราพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจของเสือแห่งเซลติค นั่นจัดเป็นเรื่องราวของความสำเร็จของไอร์แลนด์ เพราะไอร์แลนด์มีภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง อันเนื่องมาจากการจัดเก็บภาษีนิติบุคคลในระดับที่ต่ำกว่า

อย่างไรก็ดี วิกฤตหนี้ไอร์แลนด์ได้ก่อให้เกิดสถานการณ์ที่ตึงเครียดในยุโรป ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นพายุด้านการเงินลูกที่ 2 ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา ทางอียู ไอเอ็มเอฟ และธนาคารกลางยุโรป ได้ส่งคณะผู้แทนไปยังไอร์แลนด์ เพื่อสรุปเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือกับทางรัฐบาลไอร์แลนด์

ทางคณะผู้เจรจาต่อรองยังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการนำกลไกในการขึ้นการจัดเก็บภาษีมาใช้กับไอร์แลนด์ หากไอร์แลนด์ตอบรับความช่วยเหลือในรูปของเงินสด ขณะที่ทางการไอร์แลนด์เองก็ยืนกรานว่า ไอร์แลนด์ไม่ต้องการที่จะประนีประนอมในประเด็นเรื่องการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ระดับ 12.5%

ช่วงต้นทศวรรษที่ 80 นั้น เกิดปัญหาหนี้ที่รุนแรงในไอร์แลนด์มาแล้ว ส่งผลให้การดำเนินการเพื่อดึงดูดธุรกิจจากต่างประเทศ การเพิ่มขนาดของระบบเศรษฐกิจขึ้นอีก 2 เท่า และการซื้อตราสารหนี้

หวางกล่าวว่า ด้วยเหตุนี้ ประเด็นการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลอาจจะเป็นจุดยืนสุดท้ายที่ทางไอร์แลนด์จะต้องสงวนสิทธิเอาไว้ ไม่ว่าทางธนาคารกลางยุโรปหรือไอเอ็มเอฟจะกดดันไอร์แลนด์มากเท่าไรก็ตาม ผมคิดว่า การเปลี่ยนแปลงระบบภาษีนิติบุคคลในไอร์แลนด์นั้นถือเป็นแนวคิดที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไรนัก

สำหรับเรื่องวิกฤตหนี้ไอร์แลนด์ในปัจจุบันนั้น หวางกล่าวว่า โดยรวมแล้ว เศรษฐกิจของไอร์แลนด์นั้นอยู่ในสถานภาพที่ดี โดยเฉพาะในเรื่องของภาคการค้าและการส่งออก บริการด้านไฮเทค เภสัชภรรม และซอฟต์แวร์

หวางกล่าวต่อไปว่า ตนเองไม่คิดว่า ตอนนี้ ไอร์แลนด์เป็นผู้ป่วยหนัก แต่มองว่าไอร์แลนด์นั้นเหมือนผู้ที่ขาดเลือดมากกว่า เมื่อใดที่ได้รับเลือดเข้ามา คุณก็ยังคงมีร่างกายที่กระชุ่มชวยและมีพลัง

"ถึงแม้ว่าจะมีการให้เงินช่วยเหลือแก่ภาคธนาคาร แต่เมื่อปัญหาได้รับการแก้ไขผ่านไปแล้ว ทุกฝ่ายน่าจะมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของไอร์แลนด์ในอนาคตอันใกล้นี้" หวางกล่าว

ศาสตราจารย์หวางกล่าวว่า ด้วยประชากรที่มีการศึกษาที่ดี ไอร์แลนด์สามารถพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศจนทำให้ขนาดของเศรษฐกิจขยายตัวได้ถึง 2 เท่าในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา โดยมีภาคการส่งออกที่เป็นปัจจัยผลักดันการขยายตัว และไอร์แลนด์ก็อาจจะสามารถทำแบบนั้นได้อีกครั้ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ