World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 22 พฤศจิกายน 2553

ข่าวต่างประเทศ Monday November 22, 2010 16:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ไบรอัน โคเวน นายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ยืนยันว่า สหภาพยุโรป (อียู) อนุมัตให้รัฐบาลไอร์แลนด์ยอมรับความช่วยเหลือด้านการเงินจากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แล้ว

-- สถานีโทรทัศน์ NHK ของญี่ปุ่นรายงานว่า นายมิโนรุ ยานากิดะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมของญี่ปุ่นได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีเพื่อรับผิดชอบต่อกรณีออกมาให้สัมภาษณ์สื่อ ซึ่งการให้สัมภาษณ์ในครั้งนั้นทำให้สภาไดเอทของญี่ปุ่นมองว่ามีผลกระทบต่อตำแหน่งหน้าที่ของเขา

-- รัฐมนตรีคลังกลุ่ม G7 ได้แสดงท่าทีขานรับไอร์แลนด์ที่ตัดสินใจรับความช่วยเหลือด้านการเงินจากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)

-- หนังสือพิมพ์ไมอิชิ ชิมบุน รายงานว่า คะแนนนิยมต่อคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นภายใต้การนำของนายนาโอโตะ คัง นายกรัฐมนตรี ร่วงลงจากระดับการสำรวจเมื่อเดือนต.ค.ที่ 49% เหลือเพียง 26% ในการสำรวจความคิดเห็นทางโทรศัพท์ทั่วประเทศที่จัดทำขึ้นเมื่อวันเสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมา ในขณะที่คะแนนไม่เห็นด้วยเพิ่มขึ้นจาก 34% เป็น 57%

-- ตลาดที่อยู่อาศัยสำหรับลูกค้าระดับบนในสิงคโปร์ปีนี้ค่อนข้างซบเซา โดยบรรดาคอนโดมิเนียมสุดหรูสร้างแล้วเสร็จยังขายไม่ออกหลายยูนิต ขณะที่บรรยากาศการซื้อขายบ้านหรูในปีนี้เงียบเหงากว่าปีก่อนๆ

-- ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เครื่องบินโดยสารลำหนึ่งได้ลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินเจเอฟเคในนิวยอร์ก หลังจากเครื่องยนต์มีปัญหา อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีเพลิงลุกไหม้หรือผู้โดยสารบนเครื่องได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

-- ทางการจีนใช้มาตรการต่างๆ เพื่อตรวจสอบราคาถ่านหินที่พุ่งสูง พร้อมสั่งการให้บริษัททำเหมืองถ่านหินและรัฐบาลท้องถิ่นควบคุมราคาถ่านหินให้มีเสถียรภาพ

-- ธนาคารโลกเตรียมจัดสรรเงิน 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนโครงการปฏิรูปเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย และกระตุ้นบรรยากาศการลงทุนภายในประเทศ

-- สถาบันพัฒนาเกาหลีใต้ (KDI) ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเศรษฐกิจของรัฐบาลเกาหลีใต้ ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจเกาหลีใต้ในปี 2554 ลงสู่ระดับ 4.2% จากเดิม 4.4% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม KDI ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้มาอยู่ที่ระดับ 6.2% เพิ่มขึ้น 0.3% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 5.9%

-- คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) เปิดเผยว่า จีนสามารถควบคุมราคาสินค้าให้อยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพได้ เนื่องจากจีนมีอุปทานสินค้าอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันและสินค้าด้านการเกษตร อาทิ ธัญพืชและไข่ ขณะที่สต็อกถั่วเหลืองและน้ำมันสำหรับปรุงอาหารก็มีจำนวนเพียงพอเช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ