ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์พุ่งหลังข่าวคาบสมุทรเกาหลีหนุนนักลงทุนแห่ถือเงินดอลล์

ข่าวต่างประเทศ Wednesday November 24, 2010 07:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและสกุลเงินอื่นๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 พ.ย.) เนื่องจากความตื่นตระหนกกับข่าวการยิงปะทะกันระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ส่งผลให้นักลงทุนเข้าถือครองสกุลเงินดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ขณะที่ค่าเงินยูโรยังคงถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ในยุโรป

ค่าเงินยูโรร่วงลง 1.85% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3373 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ (22 พ.ย.) ที่ 1.3625 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ดิ่งลง 1.15% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5773 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5957 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.74% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9969 ฟรังค์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 0.9896 ฟรังค์ แต่อ่อนตัวลง 0.13% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 83.170 เยน จากระดับ 83.280 เยน

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 1.65% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9725 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ 0.9888 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 1.93% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7582 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7731 ดอลลาร์สหรัฐ

นักลงทุนแห่ถือครองดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัย เนื่องจากความตื่นตระหนกกับข่าวที่ว่าเกาหลีเหนือได้ระดมยิงกระสุนปืนใหญ่หลายร้อยลูกเข้าใส่เกาะยอนเปียงซึ่งตั้งอยู่ใกล้ชายแดนติดกับเกาหลีใต้ โดยมีเป้าหมายที่จะตอบโต้การซ้อมรบของเกาหลีใต้ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าจะยิ่งทำให้ปัญหาความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีรุนแรงขึ้น อีกทั้งยังฉุดตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงด้วย

นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ปรับเพิ่มการประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ครั้งที่ 2 เป็นขยายตัว 2.5% ต่อปี จากการประมาณการครั้งแรกที่ระดับ 2.0% ต่อปี และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัว 2.4% เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของยอดการส่งออก ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค และตัวเลขการใช้จ่ายภาคเอกชน

โดยตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 ของกิจกรรมเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ ขยายตัว 2.8% ในไตรมาส 3 สูงกว่าที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2.6% ส่วนตัวเลขการใช้จ่ายภาคเอกชนขยายตัว 10.3% สูงกว่าที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ที่ 9.7%

ส่วนค่าเงินยูโรยังคงถูกกดดันอย่างหนักจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป โดยเฉพาะไอร์แลนด์ หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่าอาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถือไอร์แลนด์มากกว่าที่เคยประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ เพราะเกรงว่าการที่ไอร์แลนด์รับความช่วยเหลือด้านการเงินจากสหภาพยุโรปและไอเอ็มเอฟอาจทำให้หนี้สาธารณะของไอร์แลนด์เพิ่มขึ้นด้วย โดยคาดว่าวงเงินที่ไอร์แลนด์จะได้รับในครั้งนี้อาจสูงถึง 9.5 หมื่นล้านยูโร (1.30 แสนล้านดอลลาร์)

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 2-3 พ.ย. โดยรายงานระบุว่า คณะกรรมการเฟดมีมุมมองที่เป็นลบมากขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ พร้อมกับปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ลงสู่ระดับ 2.4-2.5% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 3-3.5% และคาดว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะขยายตัวที่ระดับ 3-3.5%

ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค., รายได้ส่วนบุคคลเดือนต.ค.และยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค. และกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนวันพฤหัสบดี ตลาดหุ้นและตลาดการเงินของสหรัฐปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า และวันศุกร์ ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ