(เพิ่มเติม) นายกฯเผยหนี้สาธารณะที่ 42-43%รองรับการกู้เงินกระตุ้นศก.ได้หากจำเป็น

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 24, 2010 11:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในงานสัมมนาหัวข้อ "ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยท่ามกลางความท้าทาย" โดยระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจโลก รวมถึงปัญหาการเมืองในประเทศ แต่ทั้งนี้ประเทศไทยยังสามารถผ่านพ้นมาได้ ซึ่งถือว่าพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยยังมีความเข้มแข็งพอสมควร

โดยคาดว่าในปีนี้ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ของไทย จะเติบโตได้ในระดับ 7.9% ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ประเมินไว้

พร้อมระบุว่า ระดับหนี้สาธารณะของประเทศขณะนี้ที่อยู่ในระดับ 42-43% ต่อจีดีพี เชื่อว่าจะรองรับการกู้เงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้หากมีความจำเป็น

อย่างไรก็ดี ประเทศไทยขณะนี้ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในหลายปัจจัยเสี่ยงสำคัญ เช่น ปัญหาความไม่สมดุลทางเศรษฐกิจระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ซึ่งความไม่สมดุลในจุดนี้ได้ส่งผลรุนแรงต่อการไหลเข้า-ออกของเงินทุนมายังภูมิภาคเอเชีย รวมถึงกระทบต่อค่าเงินในภูมิภาคเอเชีย โดยจุดนี้รัฐบาลได้ออกนโยบายในการบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นไปแล้ว

นายกรัฐมนตรี เชื่อว่า การที่จะกลับไปใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่คงไม่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนได้ และยังเป็นการฝืนตลาด ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลจะเดินหน้าต่อ คือ กำหนดแนวทางการส่งเสริมให้อุตสาหกรรมปรับปรุงเครื่องจักรและเทคโนโลยีที่จะนำเข้า ซึ่งเป็นมาตรการส่งเสริมจูงใจให้แก่ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ

พร้อมยอมรับว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของจีนและสหรัฐฯ ยังอยู่ในจุดที่แก้ไขได้ยาก จึงจำเป็นที่ภูมิภาคเอเชียต้องปรับตัวและหาแนวทางในการแก้ไขร่วมกัน นอกจากนี้ยังมีผลจากการชะลอตัวด้านเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ซึ่งแนวทางที่รัฐบาลจะทำในขณะนี้คือการเตรียมความพร้อมของเครื่องมือทางเศรษฐกิจเพื่อรองรับวิกฤติเศรษฐกิจรอบใหม่ที่อาจจะเกิดขึ้นได้

ส่วนปัจจัยทางด้านการเมืองนั้น ขณะนี้รัฐบาลกำลังเดินหน้าตามแผนปฏิรูปประเทศเพื่อการปรองดอง ซึ่งล่าสุดที่ประชุมร่วมรัฐสภากำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญใน 4 ฉบับ ทั้งนี้ไม่ว่าสภาฯ จะรับหรือไม่รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก็อยากให้ทุกอย่างจบ ซึ่งหากจะมีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกนั้นก็อยากให้ไปรอหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า และมองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีส่วนช่วยแก้ปมปัญหาความในสังคมลงได้อีก

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีแนวคิดจะสอดแทรกมาตราที่เกี่ยวข้องกับการนิรโทษกรรม และการยุบพรรคการเมืองเข้าไปในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ระบุว่า กำลังจับตาการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ที่กำลังจะเกิดขึ้นว่าจะมีการแข่งขันกันรุนแรงหรือไม่ ซึ่งหากการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ผ่านไปด้วยความเรียบร้อยก็จะถือว่าเป็นการเพิ่มความพร้อมในระดับหนึ่งที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งทั่วประเทศในปีหน้า

ส่วนปัญหาวิกฤติภัยธรรมชาตินั้น รัฐบาลได้มอบหมายให้สำนักงบประมาณช่วยตรวจสอบงบประมาณ 2 ปีย้อนหลังในส่วนของงบเหลื่อมปีงบประมาณที่มีอยู่ราว 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากจุดไหนยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณก้อนนั้น ก็จะให้ปรับงบดังกล่าวเข้ามาสู่การฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาภัยธรรมชาติ ทั้งนี้หากกระทรวงไหนทำได้น้อยก็อาจจำเป็นต้องริบเงินเข้ามาเป็นเงินคงคลัง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ