บรรษัทประกันเงินฝากแห่งสหรัฐ (Federal Deposit Insurance Corp - FDIC) เปิดเผยว่า ธนาคารพาณิชย์และธนาคารออมทรัพย์ที่ได้รับการประกันเงินฝากโดย FDIC มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งขึ้นในไตรมาส 3 ปีนี้ แต่จำนวนธนาคารที่ประสบปัญหาด้านการเงินยังคงมีมากขึ้น
ทั้งนี้ FDIC ระบุว่า ผลกำไรโดยรวมของธนาคารพาณิชย์และธนาคารออมทรัพย์ 7,760 แห่งที่ได้รับการประกันเงินฝากโดย FDIC มีมูลค่าสูงถึง 1.45 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ปีนี้ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ระดับ 2 พันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม กำไรในไตรมาส 3 ปีนี้ยังอยู่ต่ำกว่าในไตรมาสแรกและไตรมาส 2 ของปีนี้ที่ระดับ 1.77 หมื่นล้านดอลลาร์ และ 2.14 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามลำดับ
นางเชียลา แบร์ ประธาน FDIC กล่าวว่า "ภาคธนาคารของสหรัฐยังคงฟื้นตัวขึ้นจากวิกฤตการณ์การเงิน โดยเฉพาะธุรกรรมการปล่อยสินเชื่อที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเรายังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มผลกำไรของภาคธนาคารด้วย"
อย่างไรก็ตาม จำนวนสถาบันการเงินที่อยู่ในกลุ่ม "Problem List" ของ FDIC เพิ่มขึ้นเป็น 860 แห่ง จากระดับ 829 ราย โดยตัวเลขดังกล่าวถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.2536 ส่วนจำนวนสถาบันการเงินสหรัฐที่ล้มละลายในไตรมาส 3 ปีนี้อยู่ที่ 42 แห่ง ส่งผลให้ยอดรวมของสถาบันการเงินล้มละลายในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้พุ่งขึ้นเป็น 127 แห่ง
"งบดุลของภาคธนาคารในสหรัฐยังต้องใช้เวลาอีกนานจึงจะกลับสู่ภาวะปกติ นอกจากนี้ คาดว่า ธนาคารพาณิชย์ยังต้องมีการระดมทุนเพิ่ม และต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้นในตลาดการเงินและเศรษฐกิจด้วย" ประธาน FDIC กล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน