ค่าเงินยูโรยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าปัญหาหนี้ของไอร์แลนด์อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความเชื่อมั่นในยุโรป ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม วอลุ่มการซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กค่อนข้างบางเบา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะถึงวันหยุดเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.33% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3327 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคาร (23 พ.ย.) ที่ 1.3371 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.04% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5771 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5778 ดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.52% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 83.590 เยน จากระดับของวันอังคารที่ 83.160 เยน แต่อ่อนตัวลง 0.06% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9961 ฟรังค์ จากระดับ 0.9967 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.87% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9810 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคาร 0.9725 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดตัวขึ้น 0.20% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7603 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7588 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนยังคงเทขายสกุลเงินยูโรเนื่องจากความกังวลที่ว่าปัญหาหนี้ไอร์แลนด์อาจลุกลามไปทั่วยุโรป โดยรายงานล่าสุดระบุว่าสหภาพยุโรป (อียู) เรียกร้องให้รัฐบาลไอร์แลนด์อนุมัติแผนงบประมาณการใช้จ่ายสำหรับปี 2554 โดยเร็ว เพื่อให้เกิดความคืบหน้าในการขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากอียูและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ไอร์แลนด์ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของไอร์แลนด์ลง 2 ขั้น สู่ระดับ A จากระดับ AA- โดยให้แนวโน้มเป็นลบ เพราะเกรงว่าการขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากไอเอ็มเอฟและอียูอาจทำให้รัฐบาลไอร์แลนด์ต้องแบกรับภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นด้วย
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 0.4% และรายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 5.76 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.5% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.3%
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 20 พ.ย. ร่วงลง 34,000 ราย แตะระดับ 407,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่รอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 10 ก.ค.2551 และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 435,000 ราย
ส่วนความคืบหน้าของรายงานเศรษฐกิจในฝั่งยุโรปนั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัว 0.8% ในไตรมาส 3 ปีนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2 และขยายตัวขึ้น 2.8% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
ขณะที่สถาบัน Ifo เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นแตะระดับ 109.3 จุด จากระดับ 107.7 จุดในเดือนต.ค. และยังสูงกว่าระดับ 108.4 จุดในเดือนพ.ค. 2550 ซึ่งเป็นช่วง 3 เดือนก่อนที่วิกฤตการเงินโลกจะเริ่มขึ้น
- ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 25 พ.ย.เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า