ยูโรสแตท ซึ่งเป็นสำนักงานสถิติของอียู รายงานว่า ยอดคำสั่งซื้อใหม่ในภาคอุตสาหกรรมของกลุ่มยูโรโซนลดลง 3.8% ในเดือนกันยายน เมื่อเทียบกับตัวเลขของเดือนสิงหาคมที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 5.1%
ส่วนยอดคำสั่งซื้อใหม่ใน 27 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ลดลง 2.5% ในเดือนกันยายน หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.5% ในเดือนสิงหาคม
รายงานของยูโรสแตทระบุว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในกลุ่มยูโรโซนร่วงลงสูงสุดถึง 6.3% ในเขตยูโรโซน และ 3% ในกลุ่มประเทศอียู ในขณะที่ยอดสั่งซื้อสินค้าทุนลดลง 2.5% ในกลุ่มยูโรโซน และลดลง 2.7% ในกลุ่มประเทศอียู ส่วนสินค้าไม่คงทนลดลง 1.8% ทั้งในเขตยูโรโซนและกลุ่มประเทศอียู และสินค้าที่มีอายุการใช้งานในระดับปานกลางลดลง 2.2% และ 1.9% ตามลำดับ
นอกจากนี้ รายงานของยูโรสแตทยังระบุว่า ในกลุ่มประเทศสมาชิกอียูที่สามารถรวบรวมสถิติได้นั้น มียอดคำสั่งผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นใน 11 ประเทศ และลดลงใน 11 ประเทศเท่ากัน โดยเอสโทเนียได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 8.5% ในขณะที่เดนมาร์กได้รับคำสั่งซื้อลดลงสูงสุดที่ 27.3%
และหากเปรียบเทียบกับปี 2552 ยอดคำสั่งซื้อใหม่ของเดือนกันยายนจะเพิ่มขึ้น 13.5% ในเขตยูโรโซน และเพิ่มขึ้น 13.4% ในกลุ่มประเทศอียู
เจ้าหน้าที่อียู คาดว่า จังหวะการเติบโตของเศรษฐกิจยุโรปจะอยู่ในระดับปานกลางในปี 2554 เนื่องจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกส่งผลให้การส่งออกของยุโรปลดลงด้วย สำนักข่าวซินหัวรายงาน