สำนักงานสถิติเวียดนามเผยยอดขาดดุลการค้าเดือนพ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 16% แตะระดับ 1.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนต.ค. ซึ่งภาวะดังกล่าวอาจสร้างแรงกดดันต่อสกุลเงินดองที่อ่อนค่าลงอย่างหนักในปีที่ผ่านมา
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ยอดส่งออกของเวียดนามในเดือนพ.ย.ปรับตัวสูงขึ้น 4% แตะระดับ 6.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 6.23 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนต.ค. ขณะที่ยอดนำเข้าทะยานขึ้น 5% แตะ 7.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 7.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนต.ค. ส่งผลให้ในช่วง 11 เดือนของปีนี้เวียดนามมียอดส่งออกเพิ่มขึ้น 24.5% แตะ 6.428 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ยอดนำเข้าทะยานขึ้น 19.8% แตะระดับ 7.494 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ ยอดขาดดุลการค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นยังส่งผลให้เวียดนามมีส่วนต่างทางมูลค่าการค้าที่ระดับ 1.066 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้
ยอดขาดดุลการค้าเป็นปัจจัยที่ทำให้เงินดองของเวียดนามอ่อนค่าลง ขณะที่บรรยากาศการลงทุนจากต่างประเทศที่ซบเซา หรือกระแสเงินดอลลาร์ไหลเข้าที่น้อยลงอาจส่งผลกระทบให้ทุนสำรองเงินต่างประเทศของเวียดนามปรับตัวลดลง ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาด้านช่องว่างทางการค้ามากขึ้น
ทั้งนี้ ธนาคารกลางเวียดนามได้ปรับลดค่าเงินดองในเดือนส.ค. ในช่วงที่อัตราอ้างอิงสกุลเงินอ่อนค่าลง 2% สู่ระดับ 18,932 ต่อดอลลาร์ หลังจากที่ได้มีการประกาศลดค่าเงินดองในเดือนก.พ.และเดือนพ.ย. 2552
ด้านนักวิเคราะห์กล่าวว่า การส่งออกของเวียดนามเริ่มขยายตัวแซงหน้าการนำเข้า ซึ่งสถานการณ์เช่นบ่งชี้ว่า ยอดขาดดุลการค้าของเวียดนามอาจปรับตัวลดลงในปีหน้า ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมคาดว่า ยอดขาดดุลการค้าของเวียดนามในปีนี้อาจมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ