นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดว่า ค่าเงินบาทในปี 54 อาจแข็งค่าแตะที่ระดับ 26-27 บาท/ดอลลาร์ เพราะเศรษฐกิจโลกยังมีความเปราะบาง โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ส่งผลกระทบการส่งออกของไทย โดยคาดจะขยายตัวเพียง 8% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 10-13% ขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกอาจสูงถึงระดับ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
"คาดว่าปีหน้าจีดีพีไทยน่าจะอยู่ที่ 4% จากเดิมคาด 3.5-5% โดยมีการบริโภคในประเทศ และการท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวม แทนการส่งออก ดังนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องเข้าแทรกแซงค่าเงินบาท รวมถึงออกมาตรการสกัดการเก็งกำไร โดยใช้มาตรการด้านภาษี ขณะเดียวกัน รัฐต้องเร่งการออกไปลงทุนต่างประเทศ รวมถึงดูแลผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า" นายธนวรรธน์ กล่าวในงานสัมมนา เรื่อง “ค้นทางเลือก หาทางรอดกลางวิกฤตธรรมชาติยุคบาทแข็ง" เพื่อหาทางช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี)
สำหรับเอสเอ็มอีจำเป็นต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยต้องประเมินสถานการณ์ความเสี่ยงทางธุรกิจอย่างใกล้ชิด โดยผู้บริหารต้องหันมาใช้เทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกด้านข้อมูลข่าวสาร ทำความเข้าใจกับตลาดที่กำลังจะขยายตัวไปเป็นตลาดระดับภูมิภาค ดูแลต้นทุนการผลิตอยู่ตลอดเวลา รวมถึงเปรียบเทียบต้นทุนกับคู่แข่งด้วยว่ายังอยู่ในระดับที่แข่งขันได้หรือไม่