หลี่ จงเหว่ย ประธานฝ่ายการเงินของบริษัทพลังงานแสงอาทิตย์แห่งหนึ่งมีความกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงแผนการของบริษัทที่จะเพิ่มความสามารถในการผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ให้ได้ในระดับที่สูงกว่า 700 เมกกะวัตต์ต่อปีภายในปีหน้า โดยกล่าวว่า ปัจจุบัน ความสามารถในการผลิตที่สำนักงานใหญ่ของเราอยู่ที่ 600 เมกกะวัตต์ และที่ฐานการผลิตอีกแห่งที่มณฑลไหหนานที่ 100 เมกกะวัตต์ ซึ่งความสามารถในการผลิตเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.7 กิ๊กกะวัตต์สำหรับโมดูลพีวี เพื่อรองรับความต้องการที่สูงขึ้น
หลี่กล่าวในการประชุมสุดยอด Global Green Think Tank Summit ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 22 - 25 พ.ย. เพื่อส่งเสริมให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถลดปริมาณคาร์บอนไดอ็อกไซด์ลง ภายใต้แนวคิด "the age of low-carbon economy: opportunities in a global emerging market"
หลี่กล่าวต่อไปว่า เราชนะการประมูลโรงงานผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 10 เมกกะวัตต์ที่โครงการตันหวง ในมณฑลกานซู และจะขยายตลาดภายในประเทศต่อไป ซึ่งเราเชื่อว่า การขยายตลาดจะช่วยเพิ่มรายได้ให้สูงกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
หลี่ เปิดเผยว่า บริษัท หยิงลี กรีน เอ็นเนอร์จี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2530 ที่เมืองเป่าติง มณฑลเหอเป่ย และมีส่วนแบ่งในตลาดพลังงานแสงอาทิตย์อยู่ 10% และเขาเองก็เชื่อมั่นในตลาดพลังงานใหม่ในประเทศ ซึ่งรัฐบาลให้การสนับสนุนอยู่
ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้เร่งการก่อสร้างโครงการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ พลังงานนิวเคลียร์ และพลังงานลม ส่งผลให้ความสามารถในการผลิตพลังงานแสดงอาทิตย์พุ่งขึ้นเป็น 300 เมกกะวัตต์เมื่อปีที่แล้ว
ตามแผนพัฒนาระยะกลางและระยะยาวของประเทศนั้น สถิติการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์คาดว่า จะอยู่ที่ 1.8 กิ๊กกะวัตต์ภายในปี 2563
จากพื้นฐานของข้อเสนอเกี่ยวกับโครงการ 5 ปี ฉบับที่ 12 ของจีน ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้มีการเปิดเผยไปเมื่อปลายเดือนต.ค.นั้น จีนควรจะลดปริมาณการใช้พลังงาน และลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ในช่วง 2555 - 2558
หลี่ยังกล่าวด้วยว่า จริงๆแล้วนั้น การให้การสนับสนุนพลังงานประเภทใหม่ของรัฐบาลนั้นอยู่ในลักษณะของคำสั่งโดยตรง บริษัทจึงมีแนวโน้มที่จะได้รับการสนับสนุนทางการเงิน ขณะที่โครงการก่อสร้างต่างๆก็มีแนวโน้มว่าจะร่วมมือกับเรา เพราะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของรัฐบาล
ทางด้านคริสโตเฟอร์ หวาง กรรมการผู้จัดการมอร์แกน สแตนลีย์ เอเชีย กล่าวว่า พลังงานประเภทใหม่ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมนั้นได้กลายมาเป็นแหล่งการลงทุนที่สำคัญสำหรับเรา ซึ่งเราเห็นว่า รัฐบาลจีนได้ใช้ความพยายามเป็นอย่างยิ่งในการควบคุมการปล่อยมลภาวะ
ด้านนายถัง ปิน ผู้อำนวยการของอินดัสเทรียล แบงค์ (IB) เปิดเผยว่า การจัดสรรเงินทุนของนายแบงค์นั้น ควรจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของความรับผิดชอบด้านธุรกิจและสังคม เพื่อสนับสนุนการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาให้เป็นไปอย่างยั่งยืน
ธนาคาร IB ถือเป็นสถาบันการเงินจีนแห่งแรกที่ใช้หลักการเรื่องเงินทุนของรัฐ ที่กำลังพิจารณาประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมและสังคมด้วย ควบคู่ไปกับการให้บริการด้านการเงิน
หวาง ฮุยกัง ผู้แทนพิเศษในการเจรจาต่อรองเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของกระทรวงต่างประเทศจีน กล่าวในที่ประชุมสุดยอดว่า รัฐบาลจะยังคงให้การสนับสนุนเงินทุนเพื่อการพัฒนาพลังงาน วัสดุ และเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี
หวางกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกนั้น ไม่เพียงแต่จะทำให้บริษัทและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมรับผิดชอบเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างโอกาสมหาศาล ซึ่งองค์กรที่มีสายตาแหลมคมควรที่จะฉวยโอกาสที่ดียิ่งนี้ไว้
การประชุมสุดยอดดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากทีมงานด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศของสหประชาชาติและสำนักงานเยาวชนของสหประชาชาติ ซึ่งมีสมาคม International Green Economy Association Global Green Think-Tank Club สภาเยาวชนโลกว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและความยั่งยืน และสถาบันพัฒนาผู้นำอย่างยั่งยืนระดับโลก ร่วมสนับสนุน สำนักข่าวซินหัวรายงาน