World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 25 พฤศจิกายน 2553

ข่าวต่างประเทศ Thursday November 25, 2010 16:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กระทรวงการคลังของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ยอดการส่งออกของญี่ปุ่นมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 7.8% ในเดือนตุลาคม เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะ 5.7236 ล้านล้านเยน และเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน ในขณะที่ยอดการนำเข้าขยายตัว 7.8% ส่งผลให้ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้นเป็น 8.219 แสนล้านเยน หรือ 2.7%

-- ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเกาหลีใต้เดือนพ.ย.ดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่า บรรยากาศการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะช่วยกระตุ้นรายได้ภาคครัวเรือน และสร้างปัจจัยหนุนต่อแนวโน้มการจ้างงาน

-- กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน (MIIT) เปิดเผยว่า รายได้ของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์จีนเพิ่มขึ้น 29.9% ในช่วง 10 เดือนแรกของปี เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แตะ 1.09 ล้านล้านหยวน (1.603 แสนล้านดอลลาร์)

-- สำนักข่าวยอนฮัพรายงานว่า เกาหลีเหนือได้ปฏิเสธข้อเสนอเรื่องการจัดการเจรจาตามที่กองบัญชาการสหประชาชาติ (United Nations Command) ซึ่งนำโดยสหรัฐเสนอมา

-- นายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีนแสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีที่รุนแรงขึ้นอันเนื่องมาจากการปะทะกันระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ โดยระบุว่า ตนเองไม่เห็นด้วยกับการคุกคามด้วยกำลัง

-- ประธานาธิบดีลี เมียง บัค ของเกาหลีใต้ ได้สั่งการให้มีการเสริมกำลังด้านกลาโหม หลังจากที่เกิดเหตุเกาหลีเหนือเปิดฉากโจมตีเกาะแห่งหนึ่งของเกาหลีใต้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

-- นางหู เสี่ยวเหลียน รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน เปิดเผยว่า จีนจะใช้เครื่องมือนโยบายการเงินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสภาพคล่อง และจะปรับสภาวะด้านการเงินให้กลับสู่ระดับปกติ หลังจากธนาคารกลางจีนมีคำสั่งให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มเพดานการสำรองสภาพคล่อง 2 ครั้งในเดือนนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี

-- เกาหลีเหนือออกแถลงการณ์ขู่โจมตีเกาหลีใต้อีกหากมีการบุกรุกเข้ามาในน่านน้ำของเกาหลีเหนือ พร้อมกับกล่าวหาว่า กองทัพเกาหลีใต้เป็นต้นเหตุการยิงตอบโต้ก่อน

-- หยาง เจียฉี รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศจีนเลื่อนการเดินทางเยือนเกาหลีใต้ตามกำหนดการณ์ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ออกไปอย่างกะทันหัน ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า จีนอาจจะมีปฏิกริยาที่รุนแรงกับการที่สหรัฐได้ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์มายังทะเลเหลือง เพื่อซ้อมรบร่วมกับทางเกาหลีใต้ ซึ่งกำหนดการซ้อมรบนั้นจะเปิดฉากขึ้นตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.เป็นต้นไป

-- สำนักงานสถิติเวียดนามเผยยอดขาดดุลการค้าเดือนพ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 16% แตะระดับ 1.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนต.ค. ซึ่งภาวะดังกล่าวอาจสร้างแรงกดดันต่อสกุลเงินดองที่อ่อนค่าลงอย่างหนักในปีที่ผ่านมา

-- เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ขยายตัวน้อยเกินคาดในไตรมาส 3 เนื่องจากภาคเกษตรกรรมและการใช้จ่ายภาครัฐปรับตัวลดลง ซึ่งสนับสนุนการตัดสินใจของธนาคารกลางที่กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการไม่ขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้

คณะกรรมการประสานงานด้านสถิติแห่งชาติเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของฟิลิปปินส์ขยายตัว 6.5% ในช่วงไตรมาสเดือนกรกฎาคม-กันยายนเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ลดลงจากที่ขยายตัว 8.2% ในช่วงไตรมาสเดือนเมษายน-มิถุนายน

-- นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ และนายคิม ซุง ฮวาน รมว.ต่างประเทศเกาหลีใต้ เห็นพ้องกันในวันนี้ว่า การซ้อมรบทางทหารร่วมกันของสองประเทศซึ่งจะเริ่มต้นในวันอาทิตย์นี้ ถือเป็นการส่งสารที่ชัดเจนถึงเกาหลีเหนือ หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่เกาหลีเหนือยิงปืนใหญ่โจมตีเกาหลีใต้

-- คณะกรรมาธิการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) เปิดเผยว่า ราคาซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าของจีนได้ปรับตัวลดลงนับตั้งแต่ที่รัฐบาลจีนเริ่มออกมาตรการเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

-- เซอิจิ นากามูระ เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เผยเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนอยู่มาก ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจเข้าสู่ช่วงขาลง หากอัตราแลกเปลี่ยนและตลาดหุ้นยังคงผันผวน

-- สำนักปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) เปิดเผยว่า จีนมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 1.023 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ พุ่งขึ้น 1.03 เท่าจากปีที่แล้ว บ่งชี้ว่าจีนกำลังได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากเงินทุนไหลเข้า

-- หนังสือพิมพ์จาการ์ต้า โพสต์ของอินโดนีเซียรายงานว่า อินโดนีเซียจะยื่นเรื่องฟ้องบริษัทผู้ดำเนินงานแท่นขุดเจาะน้ำมันซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในไทยหรือบริษัท PTTEP Australasia ต่อศาล ยกเว้นว่าทางบริษัทจะยอมจ่ายค่าชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์น้ำมันจากแหล่งมอนทาร่ารั่วไหลลงสู่พื้นที่ทางตะวันออกของอินโดนีเซีย

-- ธนาคารกลางสิงคโปร์เปิดเผยในรายงาน "Financial Stability Review" ซึ่งมีการเผยแพร่ในวันนี้ว่า ประเทศในเอเชียควรให้ความสำคัญกับการขยายตลาดการเงินในภูมิภาคเป็นลำดับแรก เพื่อให้เอเชียสามารถรักษาสถานะการเป็นศูนย์กลางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากมีกระแสเงินทุนไหลเข้าสู่เอเชียจำนวนมาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ