นายกฯ หนุนแยกโครงสร้างก๊าซครัวเรือน-อุตฯ ตรึงราคาขายให้ประชาชนต่อ

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 26, 2010 13:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สนับสนุนแนวทางการกำหนดโครงสร้างราคาก๊าซในประเทศด้วยการแยกราคาในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมออกจากกัน เพื่อให้ตรึงราคาจำหน่ายก๊าซให้กับประชาชนต่อไปจากที่จะสิ้นสุดมาตรการใน ก.พ.54 ส่วนราคาก๊าซของภาคอุตสาหกรรมจะต้องปรับขึ้นไปตามราคาตลาด ซึ่งรัฐบาลจะมีข้อสรุปภายใน 2 สัปดาห์จากนี้ รวมถึงการพิจารณาว่าจะนับรวมการใช้ก๊าซในภาคขนส่งเข้าไปอยู่ในกลุ่มใดระหว่างภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม

"ผมยืนยันว่าต่อไปนี้นโยบายหน่วยงานด้านพลังงานต้องถือว่าก๊าซธรรมชาติ ถือเป็นทรัพยากรของชาติ การกำหนดราคาต้องใช้หลักนี้ เพราะที่ผ่านมาเรามักจะบอกว่าใช้ราคานั้นใช้ราคานี้ ต้องลองไปดูประเทศอื่นที่มีน้ำมัน เขาไม่เห็นขายราคาในตลาดโลกเลย"นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าหน่วยงานด้านพลังงานจะเสนอปรับขึ้นราคาก๊าซมาตลอด และระบุว่าจำเป็นต้องนำเงินกองทุนน้ำมันมาอุดหนุนราคาก๊าซในประเทศ แต่จากที่พิจารณาตัวเลขเบื้องต้นแล้วเห็นว่าราคาก๊าซยังสามารถตรึงต่อไปได้ และหยุดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันด้วย โดยที่รัฐบาลไม่ต้องอุดหนุน สามารถขายก๊าซในราคาเดิมให้กับประชาชนต่อไปได้ ส่วนการขายในภาคอุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามราคาตลาด

"ถ้าเป็นอย่างนี้ผมคิดว่าตัวตลาดก๊าซยังมีความสมดุลอยู่ และประชาชนจะได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น"นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ส่วนการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานไปดูแล แต่จะต้องผ่านคณะกรรมการไตรภาคี ซึ่งคาดว่าการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำน่าจะดำเนินการได้ในช่วงปีใหม่ เพราะรัฐบาลต้องการทำไปพร้อม ๆ กับการเพิ่มสิทธิประโยชน์การประกันสังคม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่กังวลว่าจะถูกมองเป็นนโยบายหาเสียง เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลประกาศมานานแล้ว ส่วนการเพิ่มค่าแรงจะส่งผลต่อเงินเฟ้อในปีหน้าหรือไม่ เพราะยังมีปจจัยเรื่องเงินทุนไหลเข้ามาด้วยนั้น เราก็ต้องไปดูข้อมูลที่เกี่ยวข้องก่อน เพราะเรื่องเงินเฟ้อก็ยังมีมาตรการอื่น ๆ อยู่ แต่เราก็จะทำเรื่องค่าครองชีพ ซึ่งจะเป็นตัวช่วยในการลดแรงกดดันได้อีกด้านหนึ่ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ