ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า เกาหลีใต้มียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนในเดือนตุลาคม โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออกยานยนต์และสินค้าหลักอื่นๆ ที่แข็งแกร่ง
โดยยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่ที่ระดับ 5.37 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้นจากระดับ 3.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนกันยายน และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมซึ่งอยู่ที่ระดับ 5.82 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของเกาหลีใต้ยังขยายตัว 9 เดือนติดต่อกัน นับตั้งแต่ดีดตัวขึ้นมาจากเดือนมกราคมซึ่งขาดดุล 780 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับในช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคม ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่ที่ 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ทะลุเป้าของทั้งปีซึ่งธนาคารกลางตั้งไว้ที่ 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจัยที่หนุนให้ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดขยายตัวอย่างรวดเร็วคือภาคการส่งออกที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะการส่งออกรถยนต์โดยสารรวมถึงอุปกรณ์ด้านการสื่อสารและสารสนเทศ ส่งผลให้เกาหลีใต้มียอดเกินดุลการค้า 6.54 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้นจาก 5.57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม เกาหลีใต้ขาดดุลภาคบริการ 1.69 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนตุลาคม แต่ลดลงจากที่ขาดดุล 1.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนกันยายน เนื่องจากรายได้จากการขนส่งเพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาลดลง
ส่วนบัญชีรายได้ยังเกินดุล 760 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้นจาก 510 ดอลลาร์สหรัฐในเดือนกันยายน
ด้านบัญชีเงินโอนขาดดุล 240 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้นจากที่ขาดดุล 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนกันยายน
สำหรับบัญชีเงินทุนและการเงิน ซึ่งเป็นปัจจัยชี้วัดการลงทุนข้ามประเทศ เปลี่ยนจากไหลเข้าสุทธิ 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนกันยายน เป็นไหลออกสุทธิ 3.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนตุลาคม ส่งผลให้ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ เกาหลีใต้มีบัญชีเงินทุนและการเงินไหลออกสุทธิ 2.99 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้จะขยายตัว 6.2% ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แต่อาจชะลอตัวลงเหลือเพียง 4.3% สำนักข่าวซินหัวรายงาน