กฟผ.คาดแนวโน้มค่าเอฟที ปี 54 ลดลงกว่าปีนี้ ผลจากบาทแข็งช่วยลดต้นทุน

ข่าวเศรษฐกิจ Saturday November 27, 2010 16:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ(เอฟที) ในปี 54 มีแนวโน้มลดลงมากกว่าปีนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากเงินบาทแข็งค่าและราคาน้ำมันเฉลี่ยในปีนี้ต่ำลง จึงส่งผลต่อต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่คำนวณจากราคาน้ำมันเตาย้อนหลัง 6-12 เดือนมีต้นทุนต่ำไปด้วย โดยปัจจุบันประเทศไทยใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าประมาณร้อยละ 70 ของกำลังการผลิตทั้งหมด

อย่างไรก็ตามจากที่ประชาชนยังติดค้างในส่วนค่าไฟฟ้าต่อ กฟผ.ที่ก่อนหน้านี้ กฟผ.รับภาระแทน 20,000 ล้านบาทและได้มีการทยอยชำระคืนและจนถึงสิ้นปีนี้ยังเหลือภาระอีก 2,000 ล้านบาท

ประกอบกับมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ได้มอบหมายให้ กฟผ.รับภาระในการลดค่าไฟฟ้าแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม 100 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือนตั้งแต่เดือน ม.ค.-มี.ค.54 คิดเป็นวงเงินภาระ 750 ล้านบาทและประชาชนจะทยอยจ่ายคืนในค่าเอฟทีภายหลัง ดังนั้นภาระรวมจึงอยู่ที่ 2,750 ล้านบาทในสิ้นปีนี้

โดยหากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) มีมติให้คงค่าไฟฟ้าเอฟทีในไตรมาสแรกปี 54 เหมือนกับอัตราในปัจจุบัน โดยไม่มีการปรับลดตามต้นทุนที่แท้จริงแล้ว ก็จะทำให้หนี้คงค้างส่วนนี้หมดลงในไตรมาส 1 แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กกพ.ว่าจะเห็นชอบอย่างไร

ส่วนความต้องการใช้ไฟฟ้าในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตกว่าปีที่แล้ว ร้อยละ 10 โดยปีนี้มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดที่ 24,009 เมกะวัตต์ ขยายตัวกว่าคาดการณ์ 1,300 เมกะวัตต์ และปีหน้าคาดว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าจะใกล้เคียงกับอัตราการขยายตัว (จีดีพี) ที่ร้อยละ 4.5


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ