นายมาซาอากิ ชิรากาว่า ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) กล่าวในวันนี้ว่า การแข็งค่าของเงินเยนส่งผลกระทบในด้านบวกในระยะยาวต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น ซึ่งการแสดงความคิดเห็นของผู้ว่าการบีโอเจดังกล่าวอาจสร้างความสับสนให้กับบริษัทส่งออกที่กำลังได้รับผลกระทบจากเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น
"ผมอยากให้ทุกคนทราบว่า เมื่อมองจากแนวโน้มในระยะยาวแล้ว การแข็งค่าของเงินเยนมีผลกระทบในด้านบวกที่จะช่วยฟื้นฟูภาคการค้า เพราะเงินเยนที่แข็งค่าจะช่วยให้ราคานำเข้าสินค้าปรับตัวลดลง" ชิรากาว่ากล่าวในที่ประชุมผู้นำธุรกิจที่เมืองนาโกย่า ซึ่งเป็นฐานที่ตั้งบริษัทส่งออกที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น รวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป
นายชิรากาว่ายังกล่าวด้วยว่า การแข็งค่าของเงินเยนจะช่วยให้รายได้ที่แท้จริงโดยรวมของญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น พร้อมกับกล่าวว่า บีโอเจจะจับตาดูผลกระทบในระยะยาวของตลาดปริวรรตเงินตราที่จะมีต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น และจับตาดูท่าทีการตอบสนองของบริษัทเอกชนที่มีต่อเรื่องดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้ ชิรากาว่ากล่าวว่า การเพิ่มขนาดโครงการซื้อสินทรัพย์ของบีโอเจถือเป็นทางเลือกที่สำคัญ เพื่อรับมือกับภาวะเงินฝืดภายในประเทศ ด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและเปิดทางให้บริษัทเอกชนเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ง่ายขึ้น
การแสดงความคิดเห็นของผู้ว่าการบีโอเจมีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่สกุลเงินเยนอ่อนตัวลง หลังจากพุ่งขึ้นไปแตะระดับสุงสุดในรอบกว่า 15 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในสหรัฐ
นอกจากนี้ การแสดงความคิดเห็นดังกล่าวยังเป็นการเน้นย้ำมุมมองที่ว่า กระทรวงการคลังญี่ปุ่นและบีโอเจจะไม่เข้าแทรกแซงตลาดอีกครั้ง หลังจากที่เข้าแทรกแซงไปเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา ด้วยการเข้าซื้อสกุลเงินดอลลาร์และเทขายสกุลเงินเยน ซึ่งถือเป็นการแทรกแซงตลาดเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปี