นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้มีค่ายรถยนต์ที่สนใจผลิตรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน E85 เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมี 2 ค่ายที่ผลิตรถยนต์ประเภทดังกล่าว คือ มิตซูบิชิ และวอลโว่ โดยในช่วงต้นปีหน้าค่ายจีเอ็มและฮอนด้าก็จะเริ่มผลิต ขณะที่ค่ายโตโยต้าก็มีความชัดเจนแล้วว่าจะมีสายการผลิตรถยนต์ใช้น้ำมัน E85 แต่อยู่ระหว่างดูช่วงเวลาที่เหมาะสม
สถานีบริการน้ำมัน E85 บมจ.ปตท. (PTT) และ บมจ. บางจากปิโตรเลียม (BCP) ก็จะเพิ่มสถานีบริการน้ำมัน E85 ให้มากขึ้น เพื่อรองรับกับการใช้ E85 ที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงเชื่อว่าจะทำให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ E85 มากขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้ในปีหน้าปริมาณการใช้เอทานอลจะสูงถึง 1.5-1.6 ล้านลิตรต่อวัน จากปัจจุบันปริมาณเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านลิตรต่อวัน
นายณอคุณ กล่าวว่า ล่าสุดคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงน้ำมัน E85 (มีส่วนผสมของเอทานอล 85% ในน้ำมันเบนซิน)ได้แก่ การลดภาษีสรรพสามิตลงในอัตรา 3% สำหรับรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง E85 ขนาดกระบอกสูบ 1,700-3,000 ซี.ซี. การลดภาษีอากรขาเข้าสำหรับยานยนต์สำเร็จรูปที่ใช้เชื้อเพลิง E85 ลง 20% เหลือ 60% จากเดิมที่จัดเก็บอยู่ 80% และยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับชิ้นส่วนยานยนต์ที่ใช้กับเชื้อเพลิง E85 ทั้งสิ้น 15 รายการเป็นระยะเวลา 1-3 ปี คาดว่าหน่วยงานที เกี่ยวข้องจะมีการออกประกาศให้มีผลอย่างช้าภายใน 1 มกราคม 2554 นี้ จะเป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยสนับสนุนให้มีการใช้รถยนต์ E85 ในประเทศไทยมากขึ้น
อีกสาเหตุหนึ่งที่จะทำให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ E85 มากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกในปีหน้าจะเพิ่มสูงขึ้นจากปีนี้ ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้ผู้บริโภคหันมาใช้รถยนต์ที่สามารถใช้น้ำมัน E85 ซึ่งมีราคาถูกกว่าน้ำมันเบนซินประเภทอื่นมากขึ้น
"การส่งเสริมดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของแผนพลังงานทดแทน 15 ปี ที่ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ภายในปี 2565 ประเทศไทยจะต้องมีการใช้พลังงานทดแทนให้เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 20% จากปัจจุบัน 7% เพื่อช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศในปี 2565 ได้สูงถึง 460,000 ล้านบาท และยังเป็นการสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นเมืองแห่งพลังงานทดแทน" นายณอคุณ กล่าว