ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) เปิดเผยรายงานในวันนี้ว่า นักลงทุนต่างชาติได้แห่เข้าลงทุนในตลาดพันธบัตรเกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5.1 ล้านล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ปีนี้ เพิ่มขึ้นจากระดับ 4.8 ล้านล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 และสูงกว่าปีที่แล้วราว 17.2% แม้รัฐบาลในเอเชียพยายามใช้มาตรการสกัดกั้นกระแสเงินทุนไหลเข้าเพราะเกรงว่าจะส่งผลให้สกุลเงินในเอเชียแข็งค่ามากเกินไปก็ตาม
ทั้งนี้ กลุ่มประเทศเกิดใหม่เอเชียตะวันออกประกอบไปด้วย ประเทศไทย จีน ฮ่องกง อินโนเซีย เกาหลีใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม
ไอแวน อาซิส ผู้อำนวยการสำนักงานฝ่ายเศรษฐกิจระดับภูมิภาคของเอดีบีกล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้เม็ดเงินลงทุนไหลเข้าสู่ตลาดพันธบัตรเอเชียเพิ่มขึ้นมาจาก ยอดขายพันธบัตรเอกชนที่ขยายตัวแข็งแกร่ง ในขณะที่ยอดขายพันธบัตรของรัฐบาลชะลอตัวลง อันเนื่องมาจากตัวเลขการใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจปรับตัวลดลง
ขณะเดียวกัน อาซิสกล่าวว่า บริษัทเอกชนกำลังใช้โอกาสนี้ในการระดมทุนในตลาดพันธบัตรสกุลเงินเอเชีย เพราะเห็นว่านักลงทุนมีความต้องการมากขึ้น นอกจากนี้ ปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติสนใจตลาดพันธบัตรเอเชียก็เพราะเศรษฐกิจเอเชียมีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่ง และมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยนักลงทุนต่างชาติยังเดินหน้าเข้าซื้อพันธบัตรในเอเชียตะวันออก แม้รัฐบาลในบางประเทศใช้มาตรการสกัดกั้นการไหลเข้าของเงินทุนก็ตาม
โดยในช่วงต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา รัฐบาลเกาหลีใต้ส่งสัญญาณว่าจะขึ้นภาษีสำหรับนักลงทุนต่างชาติที่เข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล ขณะที่อินโดนีเซียประกาศเมื่อเดือนก.ค.ว่าจะลดระยะเวลาการถือครองพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นสำหรับนักลงทุนต่างชาติ เพื่อสกัดกั้นการเก็งกำไร