รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)หรือสภาพัฒน์ รายงานการจัดตั้งบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด เพื่อบริหารโครงการรถไฟฟ้าเชื่อมต่อท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารในเมือง(แอร์พอร์ตเรลลิงค์)และจะขอเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 500 ล้านบาท เป็น 2,000 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียน และหาก ครม.เห็นชอบการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.)จะสามารถจัดตั้งบริษัทได้ทันที
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) จะเสนอความคืบหน้าการแก้ปัญหาบัตรประจำตัวประชาชนแบบเอนกประสงค์(สมาร์ทการ์ด)ที่ในขณะนี้มีข้อตกลงร่วมกันกับกระทรวงมหาดไทยว่าจะแก้กฎกระทรวงในส่วนของรูปแบบประชาชนสมาร์ทการ์ดที่ขัดกับรูปแบบที่กระทรวงไอซีทีสั่งผลิตออกมาแล้ว 26 ล้านใบให้ตรงกับประชาชนสมาร์ทการ์ดที่ผลิตเพื่อสามารถส่งมอบบัตรได้ภายใน ก.พ.นี้
แต่ละกระทรวงจะรายงานความพร้อมการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสเจริญพระชนมายุครบ 83 พรรษา 5 ธันวาคม 2553
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะลงนามคำสั่งสำนักนายกฯ เพื่อมอบหมายงานให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ดูแลงานมั่นคงและปฏิบัติหน้าที่รักษาการนายกฯเบอร์หนึ่ง กรณีติดภารกิจราชการต่างต่างประเทศ
ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) รายงานการประเมินสถานการณ์ความมั่นคงจากการชุมนุมกลุ่มต่างๆ ที่กำลังมีขึ้นหลังวันที่ 5 ธันวาคม อาทิ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ที่จะนัดชุมนุมการเมืองในวันที่ 10 ธ.ค. หลังได้นางธิดา ถาวรเศราฐ ภรรยา นพ.เหวง โตจิรการ เป็นรักษาการประธานแดงทั้งแผ่นดิน ขณะที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)ประกาศชุมนุมวันที่ 11 ธ.ค. รวมถึงการประเมินสถานการณ์ในภาพรวมต่อการการพิจารณายกเลิกหรือไม่ยกเลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ทั้งนี้ คาดว่านายกรัฐมนตรีจะมีการหยิบยกเรื่องการทบทวนมาตรการลดค่าครองชีพประชาชน 5 มาตรการ ได้แก่ 1.มาตรการลดค่าใช้จ่ายน้ำประปาของครัวเรือน 2.มาตรการลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าของครัวเรือน 3.มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางรถโดยสารประจำทาง 4.มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น 3 ซึ่งมาตรการส่วนนี้จะหมดอายุในสิ้นปีนี้ และ 5.การตรึงราคาก๊าซหุงต้มที่จะสิ้นสุดในเดือน ก.พ.