นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดประชุมร่วมระหว่างสภาธุรกิจไทย-รัสเซียและสภาธุรกิจรัสเซีย-ไทย (Joint Open Thai-Russian and Russian-Thai Business Councils Meeting) ว่า การเพิ่มช่องทางดังกล่าวจะขยายการค้าลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 2-3 เท่าตัว เนื่องจากจะเน้นขยายการค้าในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อาหารและการท่องเที่ยวให้มากขึ้น
พร้อมเปิดตัวเว็บไซต์ www.thai-rus.n4.biz ซึ่งเป็นเว็บไซต์การค้าของรัสเซียกับคู่ค้าสำคัญ 6 ประเทศทั่วโลก โดยประเดิมเปิดกับประเทศไทยเป็นชาติแรก
“ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นนโยบายนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ที่ต้องการเปิดการค้าในรูปแบบใหม่ สร้างโอกาสทางธุรกิจ และสนับสนุนการเติบโตที่ยั่งยืนทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ รวมถึงเพิ่มช่องทางธุรกิจ และหาพันธมิตรในตลาดการค้าต่างประเทศกับชาติอื่น ๆ ซึ่งสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการค้าและโต้ตอบออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ตได้ตลอด 24 ชั่วโมง" นางนันทวัลย์ กล่าว
กรณีที่ส่งสินค้าไปยังผู้ซื้อแล้ว หากไม่ได้รับเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อ หรือ ธนาคารผู้ซื้อนั้น นางนันทวัลย์ กล่าวว่า กรมฯได้บูรณาการทำงานร่วมกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(EXIM Bank) และทั้งสองสภาฯว่า จะไม่เกิดขึ้นอีก และไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงทางการค้า หรือความเสี่ยงทางการเมือง จะมีการชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นตามเงื่อนไขและอัตราที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ ครอบคลุมถึงการส่งออกสินค้าทุกชนิดไปยังตลาดทั่วโลก ซึ่งในปัจจุบันกรมส่งเสริมการส่งออกได้ปรับปรุงรายชื่อผู้ค้าทั่วโลกที่ทำการค้ากับไทยมีจำนวนสูงถึง 200,000 ราย
สำหรับมูลค่าการค้าสองประเทศในช่วง 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค. 53)มีมูลค่ารวม3,065 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้า เนื่องจากรัสเซียเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญ อาทิ น้ำมัน เหล็ก โลหะ สินแร่ ปุ๋ย เป็นต้น ซึ่งไทยจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรเหล่านี้เป็นมูลค่าที่สูงมาก ในขณะที่ไทยส่งออกไปรัสเซียกว่า 631 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 87.82 %
สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยไปรัสเซีย ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์-ส่วนประกอบ, เครื่องใช้ไฟฟ้า-ส่วนประกอบ, ผลไม้กระป๋อง-แปรรูป, เตาอบไมโครเวฟ เครื่องใช้ไฟฟ้า และข้าว ตามลำดับ นอกจากนี้รัสเซียยังเป็นประตูการค้าไปสู่กลุ่มซีไอเอส ซึ่ง 10 เดือนที่ผ่านมามีการส่งออกจากไทยสูงถึง 811.66 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 75 % โดยประเทศที่มีการขยายตัวในการนำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่มสูงขึ้นจนเป็นที่น่าจับตามอง ได้แก่ คีร์กิซสถานเพิ่มขึ้นถึง 115 % ทาจิกิสถานเพิ่มขึ้น 76% และมอลโดวาเพิ่มขึ้น 25% ตามลำดับ
ด้านนายมังกร ธนสารศิลป์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.) และประธานสภาธุรกิจไทย-รัสเซีย กล่าวว่า ในปีหน้าจะทยอยเปิดเว็บไซต์ในรูปแบบเดียวกันนี้ระหว่างรัสเซียกับอีก 6 ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ได้แก่ ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมนี จีน ญี่ปุ่นและเกาหลี ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพัฒนาซอฟแวร์ และติวเข้มบุคลากรเพื่อรองรับโปรแกรมการค้านี้ขึ้นมา
ส่วนที่เกรงกันเรื่องปัญหาการชำระเงินนั้น ทั้ง 2 สภาฯหารือร่วมกันแล้ว และได้ข้อสรุปว่า ไม่น่าจะเป็นปัญหา เนื่องจากเอ็กซิมแบงก์ไทยให้เปิดสำนักงานตัวแทนที่รัสเซีย พร้อมจะปล่อยสินเชื่อและประกันความเสี่ยงการชำระค่าสินค้าให้กับนักธุรกิจทั้งสองฝ่าย ซึ่งทำให้ความเสี่ยงการชำระเงินหมดไป อีกทั้งการค้าผ่านเว็บไซต์นี้ ทั้งสองสภาฯจะตรวจสอบนักธุรกิจ โดยต้องเข้าเป็นสมาชิก ซึ่งจะถูกคัดกรองและตรวจสอบถึงการดำเนินธุรกิจ และจะถูกจัดลำดับความสำคัญเป็น 5 ระดับ เพื่อการทำการค้าอย่างมั่นใจมากขึ้นไปอีก จึงเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาการค้างชำระค่าสินค้าอย่างแน่นอน