ก.ล.ต. สำรวจพบประชาชนยังขาดความรู้ความเข้าใจผลิตภัณฑ์ทางการเงิน

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 2, 2010 11:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เปิดเผยผลสำรวจความรู้ความเข้าใจในการลงทุนของประชาชนปี 53 พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มองหาทางเลือกในการลงทุน แต่ยังไม่มีความเชื่อมั่น เนื่องจากขาดความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศ และพบอีกว่าผู้ที่ลงทุนในปัจจุบันบางส่วนยังมีความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินไม่ถูกต้อง

การสำรวจดังกล่าวจัดทำขึ้นเพื่อให้ทราบถึงความรู้ความเข้าใจของประชาชนและผู้ลงทุนเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดทุนว่าอยู่ในระดับที่สามารถปกป้องประโยชน์ของตนเองได้มากน้อยเพียงใด โดย ก.ล.ต. จะนำผลที่ได้มาใช้เป็นแนวทางการกำหนดกลยุทธ์การดำเนินงานด้านการให้ความรู้แก่ประชาชนและผู้ลงทุนต่อไป

การสำรวจครั้งนี้เป็นการสอบถามกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศทั้งสิ้น 966 คน ซึ่งมีทั้งผู้ลงทุนปัจจุบัน (existing investor) ผู้ที่คาดว่าจะลงทุนในอีก 12 เดือนข้างหน้า(potential investor)และผู้ที่เคยลงทุน โดยพบว่ากลุ่มตัวอย่างกำลังมองการลงทุนในตลาดทุนเป็นทางเลือกที่จะให้ผลตอบมากกว่าการฝากเงินกับธนาคาร แต่ยังไม่มีความมั่นใจในการลงทุน คิดว่าตนยังขาดความรู้ในผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจ โดย 60% ของกลุ่มตัวอย่างผู้ลงทุนในปัจจุบันตอบว่า มีความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ที่ตนเองลงทุนเพียงระดับหนึ่ง แต่ก็รู้จักสิทธิของผู้ลงทุนรวมทั้งสามารถดูแลตนเองได้

สำหรับคำถามที่ทดสอบความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินพบว่า กลุ่มตัวอย่างของผู้ลงทุนปัจจุบันยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับลักษณะและความเสี่ยง เช่น 38% เข้าใจว่าสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง และที่น่าสนใจคือ ประมาณครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างผู้ลงทุนในปัจจุบันไม่สนใจอ่านเอกสารประกอบการลงทุน และ 61% ไม่ใช้สิทธิเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปีของบริษัทที่ตนเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ รวมทั้งมีเพียง 4% ของผู้ไม่เข้าร่วมประชุม ที่ใช้การมอบฉันทะให้ผู้อื่นไปเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นแทน (proxy)

สำหรับกลุ่มตัวอย่างผู้ที่คาดว่าจะลงทุนเร็ว ๆ นี้ พบว่า มีความสนใจที่จะลงทุนในกองทุนรวมถึง 60% และอีก 33% สนใจลงทุนในหุ้น แต่กว่า 60% ตอบว่ายังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงิน โดยจะศึกษาข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจก่อนลงทุน และ 86% ของกลุ่มนี้จะตัดสินใจลงทุนด้วยตนเอง แต่ยังคงต้องการข้อมูลและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญการลงทุนและผู้ติดต่อกับผู้ลงทุน โดยทั้งผู้ลงทุนในปัจจุบันและผู้ที่คาดว่าจะลงทุนเร็ว ๆ นี้ ส่วนใหญ่พึ่งพาข้อมูลจากผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนและพนักงานธนาคารในการตัดสินใจลงทุน

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า แผนกลยุทธ์ของ ก.ล.ต. ในปี 54 ได้ให้น้ำหนักกับภารกิจการให้ความรู้เรื่องการลงทุนในตลาดทุนแก่ประชาชนและผู้ลงทุนเพื่อให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง สามารถลงทุนได้อย่างมั่นใจ เหมาะกับเป้าหมายการลงทุนและความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ รวมทั้งสามารถใช้สิทธิต่าง ๆ ในการปกป้องประโยชน์ของตน

พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ได้ประสานกับหน่วยงานอื่น เช่น สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมต่าง ๆ ในตลาดทุน เพื่อผลักดันให้เกิดความร่วมมือในการให้ความรู้เรื่องการออมและการลงทุน (financial literacy) อย่างเป็นระบบและครอบคลุมประชาชนในวงกว้าง เพื่อช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และความเหลื่อมล้ำของรายได้ประชากรในประเทศ

นอกจากนี้ ก.ล.ต. จะเน้นให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น บริษัทที่ออกและเสนอขายหลักทรัพย์ ที่ปรึกษาทางการเงิน เป็นต้น เปิดเผยข้อมูลอย่างครบถ้วนและเพียงพอต่อผู้ลงทุน ในขณะเดียวกันผู้ที่ติดต่อกับผู้ลงทุนไม่ว่าจะเป็นพนักงานของบริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และธนาคารพาณิชย์ก็จะต้องทำความรู้จักกับลูกค้า (ทำ KYC และ suitability test) เพื่อที่จะให้คำแนะนำในการลงทุนแก่ลูกค้าได้อย่างเหมาะสม ซึ่งผู้ลงทุนควรให้ความร่วมมือให้ข้อมูลแก่บริษัท เนื่องจากเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนของตนเอง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ