นายหลักชัย กิตติพล นายกสมาคมยางพาราไทย กล่าวถึงความเสียหายของสวนยางจากภัยธรรมชาติในปีนี้ว่า อยู่ในระดับที่ไม่ถึง 1% และจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดยางพาราในภาพรวม แต่จะมีผลในทางจิตวิทยาช่วงสั้นๆ เท่านั้น
แต่ในช่วงครึ่งปี 54 สถานการณ์จะมีความผันผวนสูง ดังนั้นรัฐบาลจึงควรดำเนินการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการและประชาชนหันมาเลือกใช้วัตถุดิบที่ตั้งต้นมาจากยางพารามากยิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อลดการใช้วัสดุอื่นทดแทนในช่วงที่ยางพารามีราคาถีบตัวขึ้นสูง เพื่อป้องกันปัญหาปริมาณผลผลิตไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า
รวมถึงดูแลพื้นที่เพาะปลูกใหม่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างใกล้ชิด เนื่องจากการปลูกยางพาราเป็นการลงทุนทางการเกษตรระยะยาว ที่เกษตรกรจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำทั้งด้านเทคนิคและการตลาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพและตรงกับจังหวะที่ตลาดต้องการ ซึ่งจะช่วยให้ไทยมีส่วนแบ่งในตลาดโลกมากยิ่งขึ้น
สำหรับในอีก 10 ปีข้างหน้า พบว่ามีสถานการณ์ยางมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทั้งด้านผลผลิต ราคา และความต้องการใช้ ทั้งในส่วนของยางธรรมชาติและผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่อง อันจะส่งผลถึงการขยายตัวของทั้งฝั่งผู้ผลิตและผู้รับซื้อสำคัญในหลายประเทศสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชีย