อากุส มาร์โทวาร์โดโจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอินโดนีเซีย กล่าวว่า รัฐบาลอินโดนีเซียได้กำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อสำหรับปีหน้าไว้ที่ 5.3% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของปีนี้ที่ระหว่าง 4-6% ท่ามกลางการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศจำนวนมาก
ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของอินโดนีเซียรายงานเมื่อวันพุธว่า อัตราเงินเฟ้อของอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย แตะ 6.33% ในเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากอาหารและสินค้าโภคภัณฑ์มีราคาสูงขึ้น โดยสำนักงานฯ และนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อปี 2553 อาจจะสูงกว่าระดับ 6%
"เรากำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อสำหรับปีหน้าเอาไว้ที่ 5.3%" นายวาร์โดโจกล่าว
ด้านนักวิเคราะห์คาดว่า ความกดดันจากภาวะเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้นในครึ่งหลังของปี 2554 และอาจทำให้ธนาคารกลางของอินโดนีเซียต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% จากระดับปัจจุบันที่ 6.5% โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่าอัตราดอกเบี้ยอาจเพิ่มขึ้นเป็น 7% ในปีหน้า
ด้านนายซุสโวโน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของอินโดนีเซีย กล่าวว่า รัฐบาลอินโดนีเซียได้ยกเลิกการจัดเก็บภาษีนำเข้าข้าว และได้สั่งการให้หน่วยงานจัดซื้อข้าว (Bulog) ของอินโดนีเซียนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้นเพื่อลดราคาข้าวในประเทศที่มีจำนวนประชากรถึง 240 ล้านคน
โดยนายซุสโวโนกล่าวว่า "หน่วยงานจัดซื้อข้าวต้องนำเข้าข้าวเพิ่มเพื่อให้มีปริมาณสำรองในสต๊อก 1.5 ล้านตันภายในสิ้นปีนี้" หลังจากที่อุปทานอาหารที่ลดลงในตลาดโลกทำให้ราคาอาหารในอินโดนีเซียปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ มูดี้ ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ได้ประกาศทบทวนเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของอินโดนีเซีย และอาจทำให้อินโดนีเซียซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าประเทศอื่น สามารถดึงดูดการลงทุนในประเทศเพิ่มมากขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน