นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวยอมรับว่า การใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลนั้น อาจมีมูลค่าสูงกว่า 6 แสนล้านดอลลาร์ตามที่ได้มีการประกาศไปเมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่อาจต้องใช้เวลาถึง 5 ปีกว่าที่อัตราว่างงานของสหรัฐจะลดลงสู่ภาวะปกติ
ประธานเฟดกล่าวให้สัมภาษณ์กับรายการ "60 Minutes" ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสซึ่งเผยแพร่ในวันนี้ว่า มีความเป็นไปได้อย่างแน่นอนว่า การซื้อพันธบัตรอาจสูงกว่าที่ได้มีการวางแผนไว้ ซึ่งขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของโครงการ QE2 รวมถึงแนวโน้มเงินเฟ้อและเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ในการประชุมเมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดประกาศใช้มาตรการ QE2 ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวเพิ่มขึ้นอีก 6 แสนล้านดอลลาร์ โดยจะทยอยเข้าซื้อเดือนละ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ไปจนถึงกลางปีหน้า ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว และเพื่อทำให้ต้นทุนการกู้ยืมลดต่ำลง
การตัดสินใจใช้มาตรการ QE2 ของเฟดได้จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในและต่างประเทศ โดยอดีตเจ้าหน้าที่ของพรรครีพับลิกันและนักเศรษฐศาสตร์หลายรายเรียกร้องให้เฟดยุติโครงการนี้ก่อนกำหนด เนื่องจากเกรงว่ามาตรการดังกล่าวอาจทำให้ค่าของเงินลดลงและเกิดเงินเฟ้อ อีกทั้งยังไม่สามารถส่งเสริมการจ้างงานได้ตามที่มุ่งหวัง ขณะที่ จีนและเยอรมนีก็แสดงความวิตกว่ามาตรการดังกล่าวอาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม เบอร์นันเก้และเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายได้ปกป้องการตัดสินใจใช้มาตรการดังกล่าว โดยยืนยันว่าการที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายตัดสินใจเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาววงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์นั้น ถือเป็นมาตรการที่จำเป็น และจะไม่ก่อให้เกิดเงินเฟ้อในอนาคต
นอกจากนี้ ในการให้สัมภาษณ์กับรายการโทรทัศน์ชื่อดังของสหรัฐในครั้งนี้ นายเบอร์นันเก้ยังกล่าวถึงอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูงด้วยว่า "ด้วยอัตราว่างงานในขณะนี้ อาจต้องใช้เวลา 4-5 ปี กว่าที่อัตราว่างงานจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากกว่านี้ที่ราว 5-6%
โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (3 ธ.ค.) กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payrolls) ประจำเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นเพียง 39,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 140,000 ตำแหน่ง และน้อยกว่าเดือนต.ค.ที่ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งถึง 172,000 ตำแหน่ง
ขณะที่อัตราว่างงานเดือนพ.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับ 9.8% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 9.6% และนับเป็นเดือนที่ 19 ติดต่อกันที่อัตราว่างงานของสหรัฐเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 9% ส่วนจำนวนคนที่ไม่มีงานทำในเดือนพ.ย.มีอยู่ทั้งสิ้น 15.1 ล้านคน มากกว่าเดือนต.ค.ที่ระดับ 14.8 ล้านคน
รายงานข่าวระบุว่า การให้สัมภาษณ์ของเบอร์นันเก้เกิดขึ้น 3 วันก่อนที่จะมีการเปิดเผยอัตราว่างงานและตัวเลขจ้างงานล่าสุด
อย่างไรก็ตาม ประธานเฟดกล่าวว่า เศรษฐกิจไม่น่าจะกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยอีก เนื่องจากเศรษฐกิจในภาคส่วนต่างๆ อาทิ ภาคที่อยู่อาศัยไม่สามารถตกต่ำลงไปได้มากกว่านี้แล้ว ถึงกระนั้น การว่างงานที่อยู่ในระดับสูงเป็นเวลานานอาจทำลายความเชื่อมั่น และกลายเป็นความเสี่ยงสำคัญที่อาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอีกครั้ง