รัฐมนตรีกระทรวงคลังของกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรได้ตัดสินใจที่จะไม่เพิ่มวงเงินกองทุนช่วยเหลือประเทศที่ประสบปัญหาหนี้สินมูลค่า 7.50 แสนล้านยูโร หรือประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากมองว่ากองทุนดังกล่าวมีมูลค่าที่สูงพอแล้ว
ทั้งนี้ กองทุนช่วยเหลือดังกล่าวถูกจัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อช่วยเหลือประเทศอาจจะเผชิญกับวิกฤตหนี้เหมือนกับกรีซ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายฌอง คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป กล่าวในการแถลงข่าวว่า การประชุมประจำเดือนในครั้งนี้ ยังไม่ได้มีการตัดสินใจในเรื่องที่สำคัญๆใดๆ โดยที่ประชุมได้มีการหารือกันเกี่ยวกับมาตรการในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งที่โปรตุเกสและสเปนได้ประกาศออกมา รวมทั้งหารือกันในเรื่องสถานการณ์ทั่วไปทางเศรษฐกิจของยุโรป
ด้านนายคลาส์ ริ๊กลิ่ง ประธานของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) กล่าวว่า กองทุนดังกล่าวมีปริมาณเพียงพอที่จะแก้ปัญหาความต้องการความช่วยเหลือทางการเงินในอนาคต
นายรีกลิงกล่าวต่อไปว่า EFSE จะใช้เงินทุนสำหรับช่วยเหลือไอร์แลนด์ในสัดส่วนที่ไม่ถึง 1 ใน 10 ของความสามารถในการปล่อยกู้ทั้งหมด ซึ่งหมายความว่า จะมีเงินทุนเหลือเพียงพอสำหรับใช้กับประเทศอื่นๆหากพิจารณาแลเวเห็นว่าเป็นเรื่องที่จำเป็น
ทางด้านนายดิดดิเอร์ ไรน์เดอร์ส รัฐมนตรีคลังเบลเยียม กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า ยูโรโซนควรจะมีการขยายเครือข่ายกองทุนดังกล่าว เพื่อควบคุมการเก็งกำไร ขณะที่นางแองเกล่า แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ได้ปฏิเสธแนวคิดดังกล่าว เพราะมองว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มวงเงินในขณะนี้ เนื่องจากมีการนำเงินจากกองทุนไปใช้ในสัดส่วนที่น้อยมาก