สตีเฟน โรช นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังและอดีตประธานบริหารบริษัทมอร์แกน สแตนลีย์ เอเชีย กล่าวว่า ปัญหาสำคัญที่สุดของจีนไม่ใช่ภาวะเงินเฟ้อ แต่เป็นการเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อรักษาระดับการขยายตัวอย่างยั่งยืน
โดยนายโรช ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกรรมการของมอร์แกน สแตนลีย์ เอเชีย ให้สัมภาษณ์แก่สำนักข่าวซินหัวว่า "ความท้าทายที่สำคัญสุดที่จีนกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้คือการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจไปสู่ทิศทางที่มีความสมดุลมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน"
นอกจากนี้ นายโรชกล่าวเสริมว่า "ในสภาพแวดล้อมหลังภาวะวิกฤติ การเปลี่ยนแปลงหมายถึงการสร้างระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยผู้บริโภค และนับเป็นความท้าทายที่สำคัญที่สุดของจีน"
ทั้งนี้ รายใด้ของชาวจีนส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับต่ำ "ชาวจีนมีรายได้เพียง 42% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขณะที่ในสหรัฐนั้น ตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ 86% ดังนั้นรัฐบาลจีนควรเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อจีนต้องการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ" นายโรชกล่าว
"แต่ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจีนควรจะละเลยในเรื่องของความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น" เขากล่าวเสริม
ข้อมูลสถิติอย่างเป็นทางการระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีน ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่สำคัญ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 25 เดือนที่ 4.4% ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
"มีความเป็นไปได้ที่อัตราเงินเฟ้อของจีนจะเพิ่มขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มจะเป็นปัญหาในอีก 12 เดือนข้างหน้า แต่หากว่ารัฐบาลดำเนินการอย่างรวดเร็ว ก็จะสามารถจำกัดขอบเขตของปัญหาได้ ไม่เช่นนั้นจีนอาจจะเผชิญกับปัญหาดังกล่าวในปี 2555 ด้วยเช่นกัน" นายโรชกล่าวสรุป สำนักข่าวซินหัวรายงาน