นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยถึงสถิติจดทะเบียนธุรกิจเดือนพ.ย.53 ว่า มีผู้ประกอบธุรกิจขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เป็นนิติบุคคล ประเภท ห้างหุ้นส่วน และบริษัทจำกัดทั่วประเทศ 4,758 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 3,469 ราย หรือเพิ่มขึ้น 37% แต่เงินทุนจดทะเบียนมีเพียง 13,392 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 21,738 ล้านบาท หรือลดลงถึง 61% โดยนิติบุคคลจดทะเบียนจัดตั้งสูงสุด 3 อันดับแรก คือ บริการนันทนาการ, ก่อสร้างอาคารทั่วไป และอสังหาริมทรัพย์
รมช. พาณิชย์ กล่าวว่า สาเหตุที่ทุนจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ลดลงมาก เป็นเพราะภาคธุรกิจกังวลต่อปัญหาเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัว โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากการส่งออกที่ชะลอตัว ค่าเงินบาทที่ผันผวน และนโยบายดอกเบี้ยขาขึ้นของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่จากปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป ความขัดแย้งระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้
ส่วนสถิติจัดตั้งธุรกิจใหม่ในช่วง 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.53) มี 47,664 ราย เพิ่มขึ้น 8,874 ราย หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 22% ที่มีอยู่ 38,790 ราย
ขณะที่ยอดจดทะเบียนเลิกธุรกิจในเดือนพ.ย.53 มีจำนวน 1,715 ราย เพิ่มขึ้น 143 ราย หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9% ที่มี 1,572 ราย ส่วนทุนจดทะเบียนเลิกกิจการ 7,118 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 31%
ขณะที่จดทะเบียนเลิกกิจการช่วง 11 เดือนของปี 53 มี 12,326 ราย ลดลง 812 ราย หรือลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6% ที่มี 13,138 ราย โดยประเภทธุรกิที่จดทะเบียนเลิกกิจการสูงสุด ได้แก่ ก่อสร้างอาคารทั่วไป, อสังหาริมทรัพย์, บริการด้านอื่นๆ, ตัวแทนท่องเที่ยวและผู้จัดนำเที่ยว และขายส่งเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน