สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (8 ธ.ค.) ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงหนักสุดในรอบ 3 สัปดาห์ เพราะถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ นอกจากนี้ การที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาตัดสินใจขยายโครงการลดหย่อนภาษียังทำให้นักลงทุนคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น จึงได้ตัดสินใจลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 25.80 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 1,383.20 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,405.40 - 1,372.10 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 28.252 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 1.525 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 5.1 เซนต์ ปิดที่ 4.1005 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 1,681.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ดิ่งลง 23.80 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 728.95 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 9.75 ดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนกระหน่ำขายสัญญาทองคำอย่างหนักหลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ โดยเมื่อวานนี้ดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ พุ่งขึ้น 0.3% ทำสถิติแข็งค่าขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า การขยายโครงการลดหย่อนภาษีจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐให้แข็งแรงขึ้น
โอบามาและแกนนำพรรครีพับลิกันตกลงการขยายโครงการลดหย่อนภาษีของผู้มีรายได้ทุกระดับชั้นออกไปอีก 2 ปี พร้อมกับขยายระยะเวลาการให้สวัสดิการแก่ประชาชนที่ว่างงานหลายล้านคนออกไปอีก 13 เดือน โดยโอบามาเชื่อว่า การขยายโครงการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อชาวอเมริกันและจะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนรายย่อยเข้ามาเทขายทำกำไร หลังจากราคาทองคำทะยานึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันก่อน
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางกลุ่มมองว่าการที่ราคาทองคำร่วงลงอย่างหนักถือเป็นโอกาสดีที่จะเข้ามาช้อนซื้อ เพราะเชื่อว่าตลาดทองคำยังคงมีแนวโน้มในช่วงขาขึ้น นอกจากนี้มีรายงานว่า นักวิเคราะห์บางคนแนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในรูปสกุลเงินยูโร ปอนด์ และเงินเยน เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกิดจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์