พนักงานระบบขนส่งสาธารณะในกรีซรวมตัวประท้วงต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลอีกครั้งเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ส่งผลให้การจราจรในกรุงเอเธนส์ติดขัดนานหลายชั่วโมง ขณะที่ผู้โดยสารทั่วประเทศไม่สามารถใช้บริการรถไฟได้
การระงับให้บริการรถเมล์ รถไฟใต้ดิน และรถไฟ ทำให้ประชาชนหลายล้านคนในกรุงเอเธนส์ต้องไปทำงานด้วยรถส่วนตัว แต่สถานการณ์ก็เลวร้ายยิ่งขึ้นเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเดินขบวนบริเวณใจกลางเมืองในช่วงบ่าย
การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลกรีซประกาศลดค่าแรงและเบี้ยเลี้ยง รวมถึงวางแผนแปรรูปการรถไฟบางส่วนให้เป็นของเอกชน เพื่อลดตัวเลขขาดดุลงบประมาณจำนวนมหาศาลและกระตุ้นให้เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวอีกครั้ง ส่งผลให้แรงงานหลายพันคนมารวมตัวประท้วงที่หน้าอาคารรัฐสภา พร้อมประกาศว่าจะชุมนุมครั้งใหญ่ในวันที่ 15 ธันวาคม
รัฐบาลกรีซ ตัวแทนจากสหภาพยุโรป และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือด้านการเงินกับกรีซ กล่าวว่า มาตรการรัดเข็มขัดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเศรษฐกิจประเทศที่กำลังซบเซา
อย่างไรก็ดี กลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันว่ามีหนทางอื่นที่ดีกว่าการลดเงินเดือนและการขึ้นค่าตั๋วโดยสารสาธารณะสูงสุด 50% ในช่วงหลายเดือนต่อจากนี้ เนื่องจากประชาชนที่มีรายได้น้อยไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้
สำนักงานสถิติแห่งชาติของกรีซประกาศว่า อัตราเงินเฟ้อของประเทศอยู่ที่ 4.9% ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งต่ำกว่าระดับ 5.7% ในเดือนกันยายน (ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 2540) และระดับ 5.2% ในเดือนตุลาคม ถึงกระนั้นก็ยังเป็นระดับสูงสุดในบรรดากลุ่มประเทศยูโรโซน
เจ้าหน้าที่รัฐและนักวิเคราะห์อิสระในประเทศเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากการขึ้นภาษีหลายครั้งในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา แต่คาดว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปเมื่อเศรษฐกิจกลับมาขยายตัวอีกครั้ง สำนักข่าวซินหัวรายงาน