สำนักงานค้ำประกันการลงทุนพหุภาคี (MIGA) ซึ่งเป็นหน่วยงานของธนาคารโลก เปิดเผยรายงาน "World Investment and Political Risk" ซึ่งระบุว่า เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ไหลเข้าสู่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาจะปรับตัวสูงขึ้น 17% แตะระดับ 4.16 แสนล้านดอลลาร์ในปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนทั่วโลกเชื่อมั่นว่ากลุ่มประเทศกำลังพัฒนาจะเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกให้ฟื้นตัว
รายงานดังกล่าวระบุว่า เม็ดเงิน FDI จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน อีกทั้งจะส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจทั้งในด้านทรัพยากรทางการเงิน การโอนถ่านเทคโนโลยี และการพัฒนาบุคลากรที่มีความชำนาญเฉพาะทาง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนแล้วแต่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งสิ้น
"เม็ดเงิน FDI จำนวนมากที่ไหลเข้าสู่ประเทศกำลังพัฒนาถือเป็นข่าวที่น่ายินดี โดยเฉพาะ FDI ที่เข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ที่เอื้ออำนวยต่อภาคการผลิตนั้น จะช่วยกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจและลดปัญหาความยากจนได้" นายอิซูมิ โคยายาชิ รองผู้อำนวยการ MIGA กล่าว
นอกจากนี้ รายงานของ MIGA ระบุว่า เม็ดเงิน FDI ที่ไหลเข้าสู่กลุ่มประเทสกำลังพัฒนานั้น ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในประเทศที่มีรายได้ระดับกลาง โดยเฉพาะในกลุ่ม BRIC (บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน) ที่สามารถดูดซับเม็ดเงิน FDI ไว้ได้ครึ่งหนึ่งของปริมาณเงินไหลเข้าทั้งหมดในภูมิภาค
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า MIGA ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2531 เป็นหน่วยงานของธนาคารโลกซึ่งทำหน้าที่สนับสนุนการขับเคลื่อนเม็ดเงิน FDI เข้าสู่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา เพื่อเป้าหมายที่จะกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ ลดความยากจน และยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชนในภูมิภาคแห่งนี้